รวม 7 วิธีรักษารอยช้ำที่คุณต้องรู้ (ให้หายไวที่สุด) (ฟกช้ำดำเขียว แก้ยังไงดี) скачать в хорошем качестве

รวม 7 วิธีรักษารอยช้ำที่คุณต้องรู้ (ให้หายไวที่สุด) (ฟกช้ำดำเขียว แก้ยังไงดี)

ถ้าหากว่าคุณมีรอยฟกช้ำต่างๆ เกิดขึ้นกับร่างกายคุณ จะรักษาให้หายไวๆ ยังไงกันดี ในคลิปวีดีโอนี้จะขอแนะนำวิธีแก้รอยฟกช้ำดำเขียวที่คุณสามารถทำตามได้ง่ายๆ นำมาบอกให้คุณได้รู้ คุณน่าจะเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้นะครับ คืออยู่ดีๆ ก็เผลอเหลือบไปเห็นรอยช้ำทีร่างกายตัวเอง เรียกว่าเป็นรอยช้ำที่ไม่มีสาเหตุ ไม่รู้ที่มาที่ไป หรือบางคนก็อาจจะไม่ระวังเดินไปเดินมาก็ไปชนสิ่งต่างๆ จนเกิดอาการฟกช้ำดำเขียวขึ้นมาก็มี แต่ครั้นจะปล่อยให้รอยช้ำอวดโฉมบนผิวของคุณหลายวันก็ยังไงอยู่ ผมจึงได้นำวิธีแก้รอยฟกช้ำให้หายไวๆ เอามาให้คุณได้ลองทำตามกันเลย แต่ก่อนที่จะไปดูวิธีปฐมพยาบาลนั้น ขอให้คุณมาดูกันก่อนว่า รอยช้ำเกิดจากอะไรกันแน่ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วรอยฟกช้ำต่างๆ นั้น จะเกิดจากแรงกระแทกที่ส่งผลทำให้เส้นเลือดฝอยที่อยู่บริเวณใต้ชั้นผิวหนังแตก และนี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มีเลือดออกในชั้นผิวหนัง จึงเกิดเป็นรอยฟกช้ำที่มีสีออกแดงเป็นจ้ำๆ และหากเวลาผ่านไปนานเข้าสีของรอยช้ำดังกล่างก็จะเปลี่ยนเป็นสีม่วง หรือสีออกคล้ำๆ นั่นเอง จนกระทั่งรอยช้ำเป็นจ้ำสีเขียวหรือสีเหลืองตามมานั่นเอง รอยฟกช้ำที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนมากแล้วจะไม่เกิดเป็นแผลที่มีเลือดออกหรือแผลสด แต่จะเป็นการอักเสบที่เกิดขึ้นที่ชั้นใต้ผิวหนังเท่านั้น ซึ่งนอกจากการได้รับแรงกระแทกจนทำให้เกิดรอยช้ำขึ้นแล้ว รอยฟกช้ำยังอาจเกิดจากอาการเส้นเลือดฝอยแตกง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ใช้ยาสเตียรอยด์อีกด้วย สำหรับเรื่องการรักษานั้น ยิ่งคุณรักษารอยช้ำได้เร็วเท่าไร อาการฟกช้ำที่เกิดขึ้นก็จะหายได้ไวเท่านั้น ตอนนี้อย่ารอช้าครับ ไปดูวิธีแก้รอยฟกช้ำกันเลยดีกว่า วิธีที่ 1 ก็คือ การประคบเย็น หากคุณเกิดรอยฟกช้ำยังไม่นานเท่าไหร่ หรือภายใน 48 ชั่วโมงแรก หรืออาจจะมีอาการบวม วิธีการก็คือ ให้คุณใช้น้ำเย็น หรือ เจลเย็น หรือน้ำแข็งประคบแผลฟกช้ำดังกล่าว ครั้งละ 15-30 นาที วันละ 3-4 ครั้ง เหตุผลก็เพราะว่า การประคบเย็นแบบนี้จะช่วยให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้โอกาสที่จะเกิดรอยช้ำที่ผิวหนังก็จะลดลงตามไปด้วยนั้นเอง อีกทั้งการประคบเย็นยังช่วยลดอาการปวดบวมได้เป็นอย่างดีอีกด้วยนะครับ สำหรับวิธีที่ 2 ก็คือ การประคบร้อน กรณีที่คุณเกิดรอยฟกช้ำมาเป็นเวลานานกว่า 48 ชั่วโมงขึ้นไป โดยคุณสามารถสังเกตได้จากรอยช้ำเริ่มเป็นสีเขียวหรือสีเหลือง ให้คุณทำการประคบร้อน และวิธีการก็คือ ให้คุณใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นหรือกระเป๋าน้ำร้อนมาประคบบริเวณรอยช้ำ นานครั้งละ 15-30 นาที วันละ 3-4 ครั้ง เหตุผลก็เพราะว่าความร้อนจะช่วยผ่อนคลายเนื้อเยื่อต่าง ๆ และกระตุ้นให้มีการไหลเวียนโลหิตรอบ ๆ บริเวณรอยช้ำ ซึ่งก็จะทำให้แผลฟกช้ำก็จะจางหายได้ไวขึ้นนั่นเองครับ และตอนนี้ก็มาถึงวิธีที่ 3 กันแล้ว ก็คือการ พันรอยช้ำ นั่นเองนะครับ ถ้าหากว่ารอยช้ำของคุณมีขนาดใหญ่และก็ยังมีสีเข้มมาก บวกกับการเพิ่งเกิดรอยช้ำใหม่ ๆ ผมขอแนะนำให้คุณพันผ้ารอบ ๆ รอยช้ำให้แน่นพอสมควร เพื่อเป็นการป้องกันเนื้อเยื่อและเส้นเลือดถูกกระทบกระเทือนจากปัจจัยภายนอก และก็ให้คุณทำการประคบเย็นให้เร็วที่สุดด้วยนะครับ สำหรับวิธีที่ 4 ก็คือ ให้คุณยกแผลให้สูงขึ้น กรณีที่รอยช้ำเกิดบริเวณขาหรือเท้าก็ ให้คุณพาดขากับพนักเก้าอี้หรือหมอนอิง ที่สำคัญก็คือให้ตำแหน่งของรอยช้ำอยู่สูงกว่าหัวใจ วิธีนี้จะช่วยลดแรงกดบริเวณแผลของคุณนั่นเอง และช่วยให้กล้ามเนื้อ หรือเนื้อเยื่อ และเส้นเลือดบริเวณที่ช้ำมีการผ่อนคลายมากขึ้นอีกด้วย อย่ารอช้าครับ มาดูวิธีที่ 5 กันเลยครับ คือให้คุณพอกรอยช้ำด้วยดินสอพอง ถ้าหากว่า ที่บ้านของคุณมี ดินสอพองและมะนาว คุณสามารถนำทั้ง 2 อย่างนี้ผสมจนกลายเป็นเนื้อครีมข้น ๆ จากนั้นให้คุณนำมาประคบเย็นที่แผลเสียก่อน แล้วจึงพอกดินสอพองผสมมะนาวลงไปที่รอยช้ำ วิตามินซีและสารจากดินสอพองจะช่วยลดร่องรอยดำบริเวณผิวหนัง และแค่นี้ยังไม่พอนะครับ ยังสามารถช่วยลดอาการอักเสบของแผลได้อีกด้วย ตอนนี้ก็มาถึงวิธีที่ 6 กันแล้ว ก็คือ การทาเจลว่านหางจระเข้ เหตุผลก็เพราะว่า ว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติช่วยลดอาการอักเสบได้เป็นอย่างดี คุณจึงควรนำเจลว่านหางจระเข้มาทาบาง ๆ ที่รอยฟกช้ำเพื่อรักษารอยช้ำให้ดีขึ้นได้นั่นเองนะครับ และสำหรับวิธีที่ 7 ซึ่งเป็นวิธีสุดท้ายของคลิปวีดีโอนี้กันแล้ว ก็คือ สับปะรด นั่นเองครับ คุณฟังไม่ผิดแน่นอนครับ สับปะรด ที่ผมแนะนำเช่นนี้ก็เพราะว่า สับปะรดมีเอนไซม์โบมีเลน เอนไซม์ที่มีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบของร่างกายได้นั่นเออง โดยจะช่วยลดรอยฟกช้ำดำเขียวได้ ซึ่งคุณสามารถกินสับปะรดช่วยให้รอยช้ำหายไว ๆ ก็ได้ หรือคุณจะนำสับปะรดมาพอกบริเวณรอยช้ำก็ได้เหมือนกัน คุณชอบแบบนี้ก็เลือกทำตามได้เลยครับ และถ้าหากคุณได้ความรู้ดีๆ จากคลิปวีดีโอนี้ไปแล้ว ผมก็ขอให้คุณกดไลค์ กดแชร์ และติดตามช่อง Youtube นี้ไว้ด้วยนะครับ เพื่อที่คุณจะได้ไม่ผลาดคลิปวีดีโอดีๆ ในครั้งต่อไป และขอขอบคุณที่ชมคลิปวีดีโอนี้นะครับ สวัสดีครับ ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://health.kapook.com/view199477....