У нас вы можете посмотреть бесплатно ศาลสั่งจำคุก ‘ครูฝึก-รุ่นพี่’ ทหารเกณฑ์หนักสุด 20 ปี ซ่อมวินัย ‘น้องเน’ จนเสียชีวิต แม่ลั่นโทษน้อยไป или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก “ครูฝึก-รุ่นพี่” รวม 13 นาย ร่วมกันทำร้าย “พลทหารวรปรัชญ์” เสียชีวิต โดนหนักสุด 20 ปี ผู้ปกครองลุยยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายกับกองทัพบก กระทรวงกลาโหม จากกรณี พลทหาร วรปรัชญ์ พัดมาสกุล ทหารเกณฑ์ หรือน้องเน อายุ 18 ปี ค่ายนวมินทร์ฯ จ.ชลบุรี ถูกครูฝึกซ่อมวินัยเสียชีวิต หลังเกณฑ์ทหารไม่ถึง 3 เดือน แพทย์ระบุสมองบวม ซี่โครงหัก 2 ข้าง ปอดฉีก ปอดรั่ว ไหปลาร้าหัก กระดูกสันหลังหัก ต่อมา ทบ.ไม่เลี้ยงฟันวินัย-อาญา ครูฝึกและครูผู้ช่วย 13 นาย ลงโทษวินัยผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น 3 นาย ตั้งแต่ระดับผู้บังคับหมวดจนถึงผู้บังคับกองพัน ซึ่งขณะนั้นพ่อของ พลทหาร วรปรัชญ์ บอกว่าลูกตั้งใจสมัครเป็นทหารเหมือนส่งลูกไปตาย ล่าสุดวานนี้ (27 พ.ค.) ทนายเกิดผล แก้วเกิด โพสต์แจ้งความคืบหน้าคดี ว่าวานนี้ (27 พ.ค.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ได้อ่านคำพิพากษาโดยสรุปเนื้อความว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นครูฝึกทหารใหม่ของค่ายนวมินทร์ โดยมีจำเลยที่ 3 ถึง 13 เป็นทหารเกณฑ์และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยครูฝึกทหารเกณฑ์ ร่วมกันทำร้ายผู้ตายหลายครั้งหลายเวลา ต่างกรรมต่างวาระอย่างทารุณโหดร้าย จนผู้ตายได้รับบาดเจ็บและถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อ เนื่องจากพยานส่วนใหญ่เป็นทหารใหม่และเป็นทหารเกณฑ์ในค่ายนวมินทร์ที่จำเลยทั้ง 13 สังกัดอยู่ และเห็นเหตุการณ์ซึ่งถือว่าเป็นประจักษ์พยานโดยตลอด หากไม่เป็นความจริง พยานซึ่งเป็นทหารเกณฑ์และเป็นทหารใหม่ก็คงไม่กล้าใส่ความหรือใส่ร้ายป้ายสีทั้งไม่มีสาเหตุโกรธเครื่องกับจำเลยทั้ง 13 แต่อย่างใด นอกจากนั้นคำให้การของจำเลยทั้ง 13 ก็ยังมีพิรุธสงสัยและมีการต่อสู้โดยปฏิเสธลอย ๆ ทั้ง ๆ ที่ในชั้นพัฒนาสอบสวนเมื่อพระนเรศวรแจ้งข้อหาว่าจำเลยทั้ง 13 เรื่องการทำร้ายร่างกายพลทหารให้ได้รับอันตรายแก่กาย จำเลยทั้ง 13 ให้การรับสารภาพโดยไม่ให้รายละเอียดใด ๆ แต่ต่อมาภายหลังจากที่พลทหารเสียชีวิต เมื่อพนักงานสอบสวน แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมเป็นข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย จำเลยทั้ง 13 ก็ให้การปฏิเสธลอย ๆ โดยไม่ให้รายละเอียด ซึ่งในทางพิจารณาคดีพยานหลักฐานทของโจทก์และของจำเลยก็รับฟังได้ว่าจำเลยทั้ง 13 ได้มีส่วนร่วมกันกระทำความผิดจริงตามฟ้องเพียงแต่ต่างคนต่างทำ แต่ระยะเวลาและสถานที่ชัดเจนที่สุดว่าพลทหารเสียชีวิตในเวลาต่อมาเกิดจากการกระทำรุนแรงของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นครูฝึกได้ใช้ไม้ ทำร้ายโดยการทุบตี พลทหารจนถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ศาลชั้นต้นจึงมีคำพิพากษาว่าการกระทำความผิดของจำเลยทั้ง 13 มีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 มาตรา 5 และมาตรา 35 วรรค 3 พิพากษาจำคุก จำเลยที่ 1 20 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 15 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 ถึง 13 คนละ 10 ปี ในส่วนของพ่อแม่พลทหารที่เสียชีวิตยังติดใจคำพิพากษาเห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้รับโทษน้อยเกินกว่าที่กระทำควรได้รับโทษมากกว่านี้และจะได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป ในส่วนคดีแพ่งหลังคัดคำพิพากษาได้แล้ว ทนายเกิดผล ระบุว่า จะยื่นฟ้องกองทัพบกเป็นจำเลยเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนให้กับพ่อแม่ของน้องตามกฎหมายต่อไป ต่อมาทนายเกิดผล โพสต์ว่า “วันนี้ระหว่างฟังคำพิพากษา ก็แอบชำเลืองตามองดูทหารเกณฑ์ ที่เป็นผู้ช่วยครูฝึก จากชีวิตลูกชาวบ้านแท้ ๆ ต้องมาติดคุกเพราะคึกคะนองแท้ ๆ เสียอนาคตเสียเวลาไป 10 ปี กับสิ่งที่ไม่ควรต้องทำ แต่ก็เป็นบทเรียนที่ดีอย่างหนึ่งสำหรับทหารใหม่ ที่ชอบใช้กำลังทำร้ายทหารรุ่นน้อง โดยคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งความจริงมันเป็นประเพณีที่ห่วยแตกมาก มันไม่ควรจะต้องทารุณกรรมใครแล้ว” นอกจากนี้ทนายเกิดผล ยังโพสต์อีกว่า “ทหารกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ. อุ้มหาย ไม่ได้ขึ้นศาลทหารนะครับ ต้องขึ้นศาลพลเรือนและติดคุกพลเรือนนะครับอย่าหาทำ ” ต่อมาทนายเกิดผล โพสต์ว่า “ไม่ว่าจะในค่าย หรือ ในคุก ก็ไม่ควรมีการตายฟรี” ผู้สื่อข่าวได้คุยกับ น.ส.โสภาพรรณ พัดมาสกุล แม่พลทหาร วรปรัชญ์ มองว่าโทษน้อยไป สำหรับตัวกำลังพลที่เป็นข้าราชการประจำการ ที่กำลังพลนายสิบของท่าน มาทำให้บุคคลในครอบครัวเราเสียชีวิต โทษตรงนี้กับหนึ่งชีวิต ปรับ 20 ปีมันน้อยเกินไป ต้องขอบคุณกฎหมายดี ๆ ของ พ.ร.บ.อุ้มหาย ซึ่งมาทำให้เราที่เป็นผู้เสียหายสามารถเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้เสียชีวิตได้ เพราะเป็นเคสทหาร ปกติจะขึ้นศาลทหาร แต่วันนี้เมื่อมีกฎหมายนี้ออกมา ทำให้เราสามารถโยกคดีความตรงนี้ออกมาสู้ศาลข้างนอก และเป็นศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมองว่าค่ายทหารจะไม่เป็นแดนสนธยาอีกต่อไป สำหรับการทำร้ายร่างกายเด็ก การลงโทษทางวินัยที่เกินกว่าเหตุ ด้าน นิชนันท์ วังคะฮาต อดีต ผู้สมัคร สส.เขต 10 พรรคก้าวไกล อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี โพสต์ข้อความว่า ซึ่งเป็นคนเปิดเรื่องนี้ “ขอบคุณผู้พิพากษาและกระทรวงยุติธรรม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหาย ผู้เสียหาย หรือ ผู้ถูกกระทำสามารถยื่นขอรับเงินเยียวยาจำนวนเงิน 500,000 บาท จากกระทรวงยุติธรรม ผู้ปกครองจะยื่นฟ้องคดีแพ่ง กับ กองทัพบก กระทรวงกลาโหม เรียกค่าเสียหายต่อไป เป็นอีกหนึ่งกรณีการเสียชีวิตของทหารเกณฑ์ในค่ายทหารที่เกิดขึ้นในสังคมไทย” ----------------------- อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://ch3plus.com/news/social/morni... ------------------------- #เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News) วันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารก่อนใครได้ที่นี่ ch3plus : https://ch3plus.com/news/programs/mor... facebook : / morningnewstv3 Twitter : / morningnewstv3 YouTube : https://cutt.ly/MorningnewsTV3 Tiktok : / morningnewsch3 #3PlusNews #ข่าวช่อง3 #สรยุทธ #ไบรท์