У нас вы можете посмотреть бесплатно AP LAW 50 "การจ่ายค่าตอบแทนแก่จำเลยในคดีอาญา" или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
AP LAW 50 "การจ่ายค่าตอบแทนแก่จำเลยในคดีอาญา" การดำเนินคดีอาญานั้น หลายคดีย่อมมีการคุมขังระหว่างพิจารณาคดี แต่เมื่อศาลพิพากษาว่าจำเลยไม่ได้กระทำความผิด การที่จำเลยถูกคุมขังโดยไม่ได้กระทำความผิดย่อมทำให้จำเลยได้รับความเสียหาย กฎหมายจึงมีการกำหนดค่าเสียหายให้เพื่อชดเชยความเสียหายที่เกิดแก่จำเลยรายนั้น ๆ . โดยกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ คือ พระราชบัญญัติ ค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 และ กฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จําเลยในคดีอาญา พ.ศ.2546 และฉบับที่ 2 พ.ศ.2559 . โดยผู้เสียหายที่จะมีสิทธิได้รับค่าทดแทนตามกฎหมายนี้ จะต้องเข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 20 คือจะต้องเป็นจำเลยที่ถูกดำเนินคดีอาญาโดยพนักงานอัยการ ถูกคุมขังระหว่างการพิจารณาคดี และปรากฎหลักฐานว่าจำเลยมิได้เป็นผู้กระทำความผิด และมีการถอนฟ้องระหว่างดำเนินคดี หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยไม่ผิด ตามมาตรา 20 (1) (2) (3) หากจำเลยที่ถูกคุมขังถึงแกความตายระหว่างถูกคุมขังแล้วก็ย่อมมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย ตามมาตรา 20 วรรค 2 . ในส่วนของมาตรา 21 จะเป็นค่าทดแทนที่จำเลยมีสิทธิได้รับ ได้แก่ ค่าทดแทนจากการถูกคุมขัง จะคิดตามจำนวนวันที่ถูกคุมขังในอัตราที่กำหนดสำหรับการคุมขังแทนค่าปรับ ค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าฟื้นฟูสมรรถภาพทางร่างกาย จิตใจของจำเลยที่เป็นผลจากการถูกดำเนินคดี ค่าทดแทนสำหรับความตายของจำเลยที่เป็นผลมาจากการถูกดำเนินคดี ค่าขาดประโยชน์ทำมาหาได้ระหว่างถูกดำเนินคดี และค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่น ๆ ในการดำเนินคดี โดยการคิดค่าใช้จ่ายจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามกฎกระทรวง และนอกจากนี้ตามมาตรา 21 ยังรวมถึงกรณีเสียสิทธิจากคำพิพากษา หากไม่สามารถคืนสิทธิได้ ให้คณะกรรมการกำหนดค่าทดแทนตามสมควร โดยอัตรา หลักเกณฑ์ วิธีการจ่ายค่าทดแทนจะถูกกำหนดในกฎกระทรวง . โดยวิธีการได้รับค่าทดแทน จะเป็นไปตามมาตรา 22 คือผู้เสียหาย จำเลย หรือทายาทซึ่งได้รับความเสียหาย ยื่นคำขอต่อคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา ที่สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ภายใน 1 ปีนับแต่ผู้เสียหายรู้ถึงการกระทำความผิด วันที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตถอนฟ้องเพราะปรากฏหลักฐานว่าจำเลยมิได้กระทำความผิด หรือวันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าจำเลยไม่มีความผิด หากผู้เสียหาย จำเลย หรือทายาทซึ่งได้รับความเสียหาย ไม่สามารถยื่นคำขอเองได้ ผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาล บุพการี ผู้สืบสันดาน สามี ภริยา หรือบุคคลใดที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นหนังสือจาก ผู้เสียหาย จำเลย หรือทายาทซึ่งได้รับความเสียหายสามารถยื่นคำขอแทนได้ตามมาตรา 23 หากยื่นพิจารณาแล้วผู้ยื่นคำขอไม่พอใจสามารถอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภายใน 30 วันนับแต่ได้รับคำวินิจฉัย โดยจะสามารถยื่นต่อสำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญาหรือศาลจังหวัดที่ผู้นั้นอยู่ในเขตศาลก็ได้ และให้ถือว่าเป็นการยื่นต่อศาลอุทธรณ์ โดยคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ในเรื่องนี้จะเป็นที่สุด โดยการวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นศาลอุทธรณ์จะทำเองก็ได้ หรือแต่งตั้งให้ศาลชั้นต้นทำแทนก็ได้ . โดยหลักเกณฑ์และอัตราการคิดค่าใช้จ่ายจะอยู่ในกฎกระทรวงกําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และอัตราในการจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จําเลยในคดีอาญา ฉบับที่ 2 พ.ศ.2559 โดยจะอยู่ในบัญชีท้ายกฎกระทรวง . กล่าวโดยสรุป การจ่ายเงินทดแทนแก่จำเลยในคดีอาญา คือการที่ทางราชการจ่ายค่าทดแทนแก่จำเลยที่ถูกฟ้องในคดีอาญาโดยพนักงานอัยการ และความปรากฏว่าจำเลยมิได้กระทำความผิด เพื่อชดเชยความเสียหายแก่จำเลย เนื้อหาโดย กิตตินันท์ จารุกิจไพศาล Paralegal น.บ. (ธรรมศาสตร์)