การปลูกเผือกหอมแบบไม่เพาะต้นกล้า Ep 2 скачать в хорошем качестве

การปลูกเผือกหอมแบบไม่เพาะต้นกล้า Ep 2

การปลูกเผือกหอมเป็นกิจกรรมเกษตรที่สามารถสร้างรายได้ดี หากปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ดังนี้: การเตรียมดินและแปลงปลูก: 1. ยกร่องแปลงปลูก: ยกร่องกว้างประมาณ 5 เมตร ยาวตามพื้นที่ ระยะห่างระหว่างร่อง 1-1.5 เมตร เพื่อป้องกันน้ำขัง 2. ปรับปรุงดิน: หากดินเป็นกรด ควรหว่านปูนขาว 200-400 กิโลกรัมต่อไร่ และใส่ปุ๋ยคอกหรืออินทรียวัตถุก่อนปลูก 2-3 เดือน การเตรียมพันธุ์และการปลูก: 1. การชำหน่อเผือก: วางลูกเผือกบนดินเปียกในที่ร่ม คลุมด้วยฟาง รดน้ำให้ชุ่ม ประมาณ 5-6 วัน หน่อจะงอกสูง 10-12 ซม. หากมีหลายยอด ควรเด็ดให้เหลือยอดเดียว 2. ปลูกลงแปลง: ย้ายหน่อที่มีใบ 1-2 ใบ ลงแปลง ระยะห่างระหว่างต้น 60 ซม. และระหว่างแถว 30-40 ซม. ปลูกในตอนเย็นและรดน้ำให้ชุ่ม การดูแลรักษา: 1. การให้น้ำ: รักษาระดับน้ำในแปลงที่ 5-10 ซม. ตลอดเวลา 2. การคลุมแปลง: ใช้ฟางข้าวหรือวัสดุอื่นคลุมแปลง เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันวัชพืช 3. การใส่ปุ๋ย: ครั้งที่ 1: รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก 1-3 กำมือต่อต้น และปุ๋ย 18-6-6 อัตรา 50-100 กก./ไร่ ครั้งที่ 2: อายุ 2 เดือน ใส่ปุ๋ย 18-6-6 หรือ 15-15-15 หรือ 46-0-0 อัตรา 50 กก./ไร่ ครั้งที่ 3: อายุ 4 เดือน ใส่ปุ๋ย 13-13-21 อัตรา 50 กก./ไร่ การเก็บเกี่ยว: เมื่อเผือกอายุ 6-7 เดือน สังเกตใบล่างเหลือง เหลือใบยอด 2-3 ใบ ควรงดน้ำก่อนเก็บเกี่ยว 15-30 วัน เพื่อป้องกันการเน่าเสีย ประโยชน์ของเผือกหอม: คุณค่าทางโภชนาการ: เผือกหอมเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ดี มีเส้นใยอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุ เช่น โพแทสเซียม และแมกนีเซียม การใช้ประโยชน์: สามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย เช่น แกงเผือก ขนมเผือก เผือกทอด และยังใช้เป็นส่วนผสมในขนมหวานต่าง ๆ ข้อควรระวัง: ไม่ควรใช้ยาชนิดเม็ดหยอดบริเวณหัวเผือกในการป้องกันโรคหัวเน่า เนื่องจากมีฤทธิ์ตกค้างยาวนาน ควรใช้ก่อนวันเก็บเกี่ยวอย่างน้อย 120 วัน การปฏิบัติตามขั้นตอนดังกล่าวจะช่วยให้การปลูกเผือกหอมประสบความสำเร็จและได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ