У нас вы можете посмотреть бесплатно คฤหาสน์ที่ยังสร้างไม่เสร็จของ "หลวงปู่เณรคำ" ที่บ้านเกิดมีลิฟท์ด้วย или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
"เณรคำ” นำเอาเงินที่ได้รับบริจาคมาจำนวนมากไปใช้ในการซื้อรถยนต์ยี่ห้อดังครั้งละ 10 กว่าคัน มาใช้ รวมทั้งแจกจ่ายถวายให้พระผู้ใหญ่ และนำเอาเงินไปใช้ในการก่อสร้างบ้านหลังใหญ่โตของตนเอง ที่ บ้านทรายมูล ต.ทรายมูล อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี รวมทั้งซื้อที่ดินแถวบ้านทรายมูล ซึ่งเป็นบ้านเกิด พร้อมสร้างตึกหรูหราขนาดใหญ่ขึ้นมาโดยอ้างว่า จะจัดสร้างเป็นที่ตั้งของมูลนิธิ แต่ว่ายังสร้างไม่เสร็จ อีกทั้งยังกว้านซื้อที่ดินฝั่งตรงข้ามกับบ้านทรายมูล หลายสิบไร่จัดสร้างเป็นวัดป่าขันติธรรมสาขา 1 มีการปลูกสร้างอาคารหลายหลัง รวมทั้งเป็นบ้านพักส่วนตัวที่หรูหรามากอีกแห่งหนึ่งของตัวเอง และเงินอีกส่วนหนึ่งนำเอาไปซื้อบ้านเนื้อที่ประมาณ 2 เอเคอร์ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย ช่วงปี 2556 “เณรคำ” เริ่มถูกจับตามองจากการที่มีภาพเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย ทำตัวเป็น “พระไฮโซ” นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว พร้อมด้วยบรรดาลูกศิษย์ใช้สอยสิ่งของราคาแพง แตกต่างจากสมณเพศ มีภาพขบวนรถยี่ห้อดังนำเป็นขบวนยาวเหยียด และต่อมา มีการเผยแพร่ภาพคนใบหน้าคล้ายกับ “เณรคำ” นอนคู่อยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่ง “เณรคำ” อ้างว่าเป็นภาพของน้องชายชื่อ “นายสุริ” นอนกับหญิงสาว ไม่ใช่ตัวเอง ทำให้มีการตรวจสอบครั้งใหญ่จากหลายภาคส่วนตามมา ต่อมา มีนางหญิง (นามสมมติ) อดีตสาว 14 ปี ที่มีลูกชายกับ “เณรคำ” ออกมาเรียกร้องให้ “เณรคำ” รับผิดชอบลูกชายที่เกิดมาด้วยกัน และภายหลังได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 140 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้ ดีเอสไอ ได้เข้ามาสืบสวนเรื่องทั้งหมด ในชั้นสอบสวนของดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมหลักฐานเป็นตัวอย่างสารพันธุกรรม 4 ชิ้น ประกอบด้วย ปลายซิการ์ที่อดีตพระเณรคำใช้สูบแล้วมอบให้ลูกศิษย์เก็บไว้บูชา เศษจีวร 2 ชิ้น และพระเครื่องรุ่นดอกบัวคู่รุ่นชานหมาก ผลการตรวจพิสูจน์พบว่า เศษซิการ์พบคราบน้ำลายตรงเยื่อบุกระพุ้งแก้ม ปรากฏสารพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอตรงกับเด็กชาย ที่ เป็นบุตรของหญิงสาวที่มีเพศสัมพันธ์กับ “เณรคำ” ชี้ให้เห็นว่าบุคคลทั้ง 3 มีความสัมพันธ์เป็นพ่อแม่ลูกกันจริง จึงนำไปสู่การดำเนินคดีต่อ “เณรคำ” ในข้อหากระทำชำเราเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 15 ปี และคดีพรากผู้เยาว์ และถือเป็นคดีที่ใช้ในการขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน เนื่องจากขณะนั้นตัว “เณรคำ” ช่วงนั้นอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส และได้บินตรงไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา ไปพักอาศัยอยู่ที่วัดป่าขันติธรรม สาขาเมืองเลคเอลซินอร์ รัฐลอสแองเจลิส ซึ่งไปซื้อบ้านเอาไว้บนยอดเขานานหลายปีแล้ว คล้ายกับเป็นการเตรียมการล่วงหน้าสำหรับการหนีคดีต่างๆ ไปอาศัยลี้ภัยอยู่ที่สหรัฐอเมริกา การสอบสวนของดีเอสไอ ทำให้ความจริงต่างๆ ที่ปกปิดมานานกระจ่างชัดขึ้น ว่า “เณรคำ” มีสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงสาวถึง 8 คน ลูก 2 คน (อ่านประกอบ แฉเรียงตัว เมีย 8 ลูก 2 ของ “ไอ้คำ” พระฉาวศรีสะเกษ http://www.manager.co.th/Local/ViewNe...) มีการนำเอาเงินที่ได้มาจากการบริจาคไปปรนเปรอซื้อบ้าน ซื้อรถให้ผู้หญิงทุกตนที่มีความสัมพันธ์ด้วย ซึ่งทางดีเอสไอ ได้มีการดำเนิน การอายัดบัญชีเงินฝากธนาคารมากถึง 41 บัญชี แบ่งเป็น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 4 บัญชี ธนาคารกสิกรไทย 2 บัญชี ธนาคารกรุงเทพ 8 บัญชี ธนาคารไทยพาณิชย์ 27 บัญชีและมีทรัพย์สินอื่นๆ อีกจำนวนมาก เช่น บ้าน 2 หลัง รถยนต์หรูราคาแพงอีกหลายสิบคัน ทั้งรถโรลส์รอยซ์ เชฟโรเลต โตโยต้า คัมรี่ เฟอร์รารี ฮัมเมอร์ รถกระบะ รถเบนซ์ และรถจักรยานยนต์ ซึ่งทรัพย์สินเหล่านี้มีมูลค่ารวมกันกว่า 200 ล้านบาท คาดว่ามีเงินสดอีกหลายร้อยล้านบาท “เณรคำ” ได้ยักย้ายถ่ายเทไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกาหมดแล้ว ก่อนจะถูกจับกุมได้