У нас вы можете посмотреть бесплатно #ปัญหาที่ или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
วิธีการ "ดูจิต" ที่อาจารย์แนะนำคือการมุ่งตรงไปที่ตัว "จิต" ที่แท้จริง เพื่อให้เกิดสติและสมาธิแนบสนิทกับจิต และนำไปสู่การบรรลุธรรมในที่สุด ซึ่งมีความแตกต่างจากสมถะ-วิปัสสนาแบบดั้งเดิมอย่างเห็นได้ชัด *วิธีการ "ดูจิต" ที่อาจารย์แนะนำ:* อาจารย์อุดรแนะนำวิธีการ "ดูจิต" ที่เรียกว่า "สูตรสำเร็จรูป" ซึ่งเป็นแนวทางที่รวบรัดและตรงจุด โดยมีหลักการและลักษณะสำคัญดังนี้: *เป้าหมายหลักคือ "จิตใน" หรือ "จิตที่แท้จริง"* อาจารย์เน้นย้ำให้มุ่งดูที่จิตที่อยู่ข้างใน ซึ่งมีลักษณะนิ่ง เฉย โล่ง และว่าง จิตที่แท้จริงนี้ไม่ใช่ความคิด ความรู้สึก หรืออารมณ์ปรุงแต่งต่างๆ ซึ่งอาจารย์เรียกว่าเป็น "อาการของจิต" หรือ "จิตนอก" อาการเหล่านี้เป็นเพียงปฏิกิริยาของจิตที่อาศัยร่างกายเป็นฐาน *การปฏิบัติคือ "ดูบ่อยๆ" โดย "ไม่แช่"* *ดูบ่อยๆ:* คือการดูจิตแล้วเลิกดู แล้วกลับมาดูใหม่บ่อยๆ เพื่อให้เกิดความเคยชินในการเห็นจิต วิธีนี้เป็นวิธีที่เป็นกลางและปลอดภัยที่สุด ใช้ได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเก่งสมาธิหรือไม่ก็ตาม *ไม่แช่:* การเพ่งหรือแช่จิตไว้กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งนานๆ อาจทำให้เกิดสมาธิสงบ (สมถะสมาธิ) ขึ้นมาทับจิต ทำให้จิตไม่สามารถพัฒนาต่อได้ เพราะถูกกดบังด้วยความสงบนั้น *การทำให้สติและสมาธิแนบกับจิต* เมื่อเราดูจิตบ่อยๆ จะทำให้สติและสมาธิที่เกิดขึ้นจากการปักหลักอยู่กับจุดนี้ไปแนบอยู่กับจิต เมื่อจิตซึ่งเป็น "ธาตุรู้" มีสติและสมาธิแนบอยู่กับมัน มันจะเปลี่ยนสภาพเป็น "ผู้รู้" และเมื่อถึงจุดสูงสุด สติ สมาธิ และจิตจะรวมเป็นหนึ่งเดียว แยกไม่ออก *การอยู่กับ "ปัจจุบันในจิต"* การดูจิตบ่อยๆ จะนำไปสู่การเป็น "ปัจจุบันในจิต" ซึ่งต่างจากการอยู่กับปัจจุบันของกายหรือปัจจุบันของอารมณ์ ปัจจุบันในจิตนี้จะตัดทุกระบบ ตัดแม้กระทั่งความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่ง ทำให้ไม่คิดเลยตลอดทั้งวัน จิตไม่หลงออกไปข้างนอก *การสังเกต "ไตรลักษณ์" และสลายความมีตัวตน* เมื่อมีสติและสมาธิกำกับ จิตจะเกิดการ "slow ภาพ" ให้เห็นทุกปรากฏการณ์ตามความเป็นจริง นั่นคือเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่งหรือกิเลส ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) การดูจิตไปเรื่อยๆ จะทำให้จิตสลายความมีตัวตนลงทีละลำดับ จนหมดสิ้นความมีตัวตน เมื่อตัวตนหมดไป จิตก็จะกลายเป็น "วิมุตติ" หลุดพ้น และรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติหรือสุญญากาศ *ความแตกต่างจากสมถะ-วิปัสสนาแบบดั้งเดิม:* อาจารย์อุดรชี้ให้เห็นว่าวิธีการ "ดูจิต" นี้แตกต่างจากสมถะ-วิปัสสนาแบบดั้งเดิมในหลายประการ: *ความยากลำบากและซับซ้อน:* สมถะ-วิปัสสนาแบบดั้งเดิมมักเป็นเส้นทางที่ยาก ซับซ้อน และอ้อมเกินไป ผู้ปฏิบัติจะต้องเจริญสมถะให้ได้ระดับหนึ่งก่อน ถึงจะยกจิตขึ้นสู่ภาวะวิปัสสนาได้ หากไม่ได้ระดับที่เพียงพอ ก็จะไม่สามารถเจริญวิปัสสนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ *สูตรรวมสำเร็จ:* วิธีการ "ดูจิต" ที่อาจารย์แนะนำเป็น "สูตรสำเร็จรูป" ที่ไม่ต้องแยกพูดถึงสมถะหรือวิปัสสนา เพราะมันกลมกลืนอยู่ในตัวอยู่แล้ว การทำตามวิธีนี้เพียงอย่างเดียวจะได้ทั้งทางสมถะและวิปัสสนาไปพร้อมกัน โดยไม่ต้องรอคอยเวลาหรือผ่านด่านต่างๆ เหมือนวิธีดั้งเดิม *เป้าหมายที่ตรงจุด:* *สมถะแบบดั้งเดิม* มักเน้นการทำสมาธิโดยการเพ่งอยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง เช่น ลมหายใจ (จัดว่าเป็นกาย) หรือคำภาวนา "พุทโธ" (จัดว่าเป็นอารมณ์) ซึ่งการอยู่กับสิ่งเหล่านี้ก็ยังเป็น "ปัจจุบันอารมณ์" ไม่ใช่ "ปัจจุบันในจิต" *"ดูจิต"* มุ่งตรงไปที่ "จิตใน" หรือ "ธาตุรู้" ซึ่งเป็นนามธรรมและแตกต่างจากกายหรืออารมณ์อย่างสิ้นเชิง การปฏิบัติแบบนี้เป็นการ "ยิงตรงจุด" เข้าสู่จิตโดยตรง ทำให้เป็นหนทางที่รวดเร็วและไม่เสียเวลา *การหลีกเลี่ยงผลเสียจากการแช่:* วิธีดั้งเดิมอาจมีผลเสียสำหรับผู้ที่ชำนาญทางสมาธิ เพราะการเพ่งแช่จิต (คล้ายกับการทำสมถะ) อาจทำให้เกิดความสงบที่ทับจิตไว้ ทำให้จิตไม่สามารถพัฒนาต่อได้ ในขณะที่วิธี "ดูจิตแบบไม่แช่" ของอาจารย์จะช่วยให้หลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้ โดยสรุปแล้ว การ "ดูจิต" คือการฝึกให้สติจดจ่ออยู่กับ "จิตที่แท้จริง" ซึ่งเป็นสภาวะที่นิ่ง เฉย โล่ง ว่าง ไม่ใช่ความคิดหรืออารมณ์ปรุงแต่ง โดยการดูบ่อยๆ แต่ไม่เพ่งแช่ เพื่อให้จิตพัฒนาไปสู่การเป็นผู้รู้ เห็นความจริงของโลก และสลายความมีตัวตน นำไปสู่การหลุดพ้นจากภพชาติ ซึ่งเป็นหนทางที่รวดเร็ว ตรงจุด และบูรณาการทั้งสมถะและวิปัสสนาเข้าไว้ด้วยกัน.