У нас вы можете посмотреть бесплатно ประชาธิปไตยคือคำที่ถูกนำมาอ้างเพื่อแสวงหาอำนาจทางการเมืองมากที่สุด I ฤๅคัฟเวอรี่ Full EP или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
เคยสงสัยไหมว่าทำไมคำว่า "ประชาธิปไตย" ถึงได้ถูกนำไปใช้โดยกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว? ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเสื้อเหลือง กลุ่มเสื้อแดง กลุ่ม กปปส. หรือแม้แต่คณะรัฐประหาร ต่างก็อ้างว่าตนเองทำเพื่อประชาธิปไตย หรือนำคำนี้ไปตั้งชื่อกลุ่มเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่ตัวเอง นักวิชาการทั้งในและต่างประเทศต่างยอมรับว่านี่คือปัญหาใหญ่ที่ยากจะนิยาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสงครามเย็นเป็นต้นมา ประชาธิปไตยได้กลายเป็น "วาทกรรมหลัก" ที่มีอิทธิพลต่อระบอบการเมืองทั่วโลก . นักทฤษฎีการเมืองชาวอังกฤษอย่าง เบอร์นาด คริก (Bernard Crick) ถึงกับเปรียบคำว่าประชาธิปไตยว่าเป็น "คำที่สำส่อนที่สุด" (most promiscuous word) ดุจนางบำเรอของทุกคน ที่ใคร ๆ ก็ครอบครองได้ แม้แต่นักวิชาการผู้สนับสนุนประชาธิปไตยอย่าง ลาร์รี่ ไดมอนด์ (Larry Diamond) ยังยอมรับว่านักวิชาการทั่วโลกยังไม่มีข้อสรุปร่วมกันว่าอะไรคือประชาธิปไตยที่แท้จริง ในประเทศไทยเอง ปัญหานี้ก็ถูกตระหนักมานานแล้ว ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 คุณศิริรัตน์ นิลคุปต์ ได้ชี้ว่าคำว่าประชาธิปไตยนั้นยากลำบากในการนิยาม และ พันตำรวจเอก ชาญวุฒิ วัชรพุก ยังได้กล่าวไว้ในปี พ.ศ. 2526 ว่าทั้งฝ่ายซ้ายและขวาต่างใช้คำว่าประชาธิปไตยเป็นเครื่องมือฉกฉวยอำนาจทางการเมือง โดยอ้างว่าทำเพื่อสังคมส่วนรวมหรือเพื่อประชาธิปไตย โดยมิได้คำนึงถึงการปล่อยให้สังคมกำหนดแนวทางเอง . เพื่อทำความเข้าใจวาทกรรมประชาธิปไตยที่พลิกแพลงได้หลากหลายนี้ นักวิชาการได้เสนอสองแนวคิดหลัก: หนึ่งคือ " แนวคิดการเมืองวัฒนธรรม (Cultural Politics)" ของ ศาสตราจารย์ เกษียร เตชะพีระท่านมองว่าแนวคิดประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ "สัมพัทธ์" และ "ลื่นไหล" เปลี่ยนแปลงไปตามการต่อสู้ทางการเมืองของกลุ่มพลังทางสังคมที่ต้องการช่วงชิงและสถาปนาความหมายของมัน ประชาธิปไตยจึงสามารถเปลี่ยนรูปได้ตามที่กลุ่มต่าง ๆ มีอำนาจในการกำหนดความหมาย อีกหนึ่งคือ "แนวคิดวาทกรรมทางการเมือง (Political Discourse)" ของ ศาสตราจารย์ นครินทร์ เมฆไตรัตน์ ท่านมองลึกไปกว่านั้นว่าประชาธิปไตยไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่กลุ่มต่าง ๆ ใช้ช่วงชิงความหมายเท่านั้น แต่ตัววาทกรรมเองยังสามารถย้อนกลับมา "ครอบงำ" ผู้ใช้ความหมายนั้นได้ด้วย ศาสตราจารย์ นครินทร์ ได้แบ่งวาทกรรมประชาธิปไตยในสังคมไทยออกเป็นสองแบบหลัก ได้แก่ "ประชาธิปไตยแบบสากล" ที่อิงกับแนวทางตะวันตก และ "ประชาธิปไตยแบบไทย" ที่พัฒนาขึ้นภายใต้บริบทสังคมไทย ซึ่งทั้งสองแนวคิดนี้กำลังปะทะกันอยู่ . การนำประชาธิปไตยแบบตะวันตกมาใช้โดยไม่คำนึงถึงบริบททางสังคม วัฒนธรรม และประเพณีของไทย มักก่อให้เกิดปัญหา เปรียบเทียบการกระทำนี้ว่าเหมือนกับการ "Copy Paste" ต้นไม้มาปลูกในดินที่ไม่เหมาะสม เช่นเดียวกับที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยทรงเตือนไว้ถึงกรณีของเม็กซิโกที่ลอกระบบรัฐธรรมนูญของอเมริกามาใช้ทั้งระบบ แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ การไม่คำนึงถึงรากฐานทางสังคม วัฒนธรรม และประเพณีของไทย อาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น การคอร์รัปชัน การรัฐประหาร หรือความไม่มั่นคงทางการเมือง เพราะสังคมมีความซับซ้อน เป็นเรื่องของชีววิทยา ชีวิต ความสัมพันธ์ วัฒนธรรม และประเพณี แม้ว่าคำว่าประชาธิปไตยจะเป็นปัญหาและถูกนำไปใช้ในลักษณะที่บิดเบือน แต่เราก็ไม่ควรทิ้งมันไป ผู้พูดเชื่อว่าสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญคือ "ระบอบการเมืองที่ดี" ***** ซึ่งประชาธิปไตยเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด ***** ระบอบที่ดีต้องมีองค์ประกอบอื่น ๆ เช่น วัฒนธรรมที่ดี ศีลธรรมที่ดี และค่านิยมที่ดีงามที่เชื่อมโยงกับรากฐานความเป็นไทยและความเป็นมนุษย์ การเชื่ออย่างผิดๆ ว่า "ถ้าเป็นประชาธิปไตยแล้วทุกอย่างจะดี" หรือการติดกับดักวาทกรรมประชาธิปไตยโดยไม่คำนึงถึงเนื้อหาสาระที่แท้จริงนั้นเป็นสิ่งที่ควรระวัง . ประชาธิปไตยไม่ควรเป็นการแข่งขันที่มุ่งเอาชนะกันจนกลายเป็น "พวกมากลากไป" (majoritarianism) ซึ่งละเลยสิทธิและเสียงข้างน้อย การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ตัดสินว่าใครเป็น "ประชาธิปไตยจอมปลอม" หรือ "เผด็จการ" จะนำไปสู่ปัญหาความแตกแยกในระยะยาว ทางออกคือการยอมรับปัญหานี้ ไม่ตัดสินผู้อื่น และควรพูดถึง "เนื้อหาสาระที่แท้จริง" ของระบอบการเมืองที่ทุกคนต้องการ นั่นคือระบอบที่พลเมืองมีส่วนร่วม ตรวจสอบได้ ถ่วงดุลอำนาจ มีความรับผิดชอบ คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของทุกคน และตอบสนองต่อผลประโยชน์ส่วนรวมของประชาชน.