ปฐมบทแห่งวงการพระสมเด็จวัดระฆังกับอาจารย์โฆษิตเจ้ากรมบางขุนพรหม скачать в хорошем качестве

ปฐมบทแห่งวงการพระสมเด็จวัดระฆังกับอาจารย์โฆษิตเจ้ากรมบางขุนพรหม

การดูพระสมเด็จวัดระฆังตามหลักวิทยาศาสตร์ คือการใช้เครื่องมือและกระบวนการวิเคราะห์ที่เป็นระบบและสามารถตรวจสอบซ้ำได้ เพื่อแยกแยะพระแท้ออกจากพระปลอม โดยไม่อาศัยเพียง “ความรู้สึก” หรือ “ความเชื่อ” แบบนักเลงพระสมัยก่อน วิธีหลัก ๆ ที่ใช้ ได้แก่: ⸻ 1. การวิเคราะห์เนื้อพระ (Material Analysis) กล้องจุลทรรศน์ (Microscope) ใช้กล้องกำลังขยายสูง (เช่น กล้องจุลทรรศน์ดิจิทัลหรือ SEM) เพื่อดู: • ความเก่า-การยุบตัวของผิวพระ • มวลสารธรรมชาติ เช่น เม็ดแร่ เศษพืช เส้นใย และฝุ่นโบราณ • การแตกรานธรรมชาติ (รานรากุ) ซึ่งเป็นรอยแตกลายงาอันเกิดจากความชื้นและอายุที่มากจริง ๆ X-ray Fluorescence (XRF) วิเคราะห์องค์ประกอบธาตุของพระสมเด็จ เช่นมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส หรือซิลิกาเท่าไร เทียบกับพระแท้ที่เก็บเป็นฐานข้อมูลไว้ Fourier Transform Infrared Spectroscopy (FTIR) ใช้ตรวจสอบโครงสร้างทางเคมีของวัสดุผสมในเนื้อพระ เช่น ผงถ่าน ผงพุทธคุณ หรือน้ำมันเก่า ๆ ⸻ 2. การวิเคราะห์อายุ (Age Determination) Carbon Dating (C14) หากมีเศษอินทรีย์ในเนื้อพระ เช่น ผงไม้ ผงเถ้า สามารถใช้คาร์บอน-14 หาอายุได้ แต่ใช้ได้เฉพาะพระที่มีส่วนประกอบอินทรีย์ เทคนิค Thermoluminescence ใช้กับวัตถุที่ผ่านความร้อน เช่น วัตถุดินเผา เพื่อดูว่าถูกเผาครั้งล่าสุดเมื่อใด ⸻ 3. การวิเคราะห์ภาพ (Image Analysis) AI หรือ Deep Learning บางวงการเริ่มใช้ปัญญาประดิษฐ์เทียบภาพพระกับฐานข้อมูลจำนวนมาก เพื่อหาความน่าจะเป็นว่าใช่ “แท้” หรือ “ปลอม” 3D Scan และ Surface Texture Mapping แสกนพื้นผิวเพื่อเปรียบเทียบกับพระสมเด็จแท้ต้นแบบ ดูลักษณะพิมพ์ การสึกหรอ ความโค้ง ความลึก ⸻ 4. เปรียบเทียบกับฐานข้อมูลพระแท้ (Reference Matching) เช่น พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง พิมพ์ฐานแซม มีข้อมูลแบบ 3 มิติให้เทียบทั้งรูปทรง สัดส่วน ความหนา และตำหนิสำคัญ ⸻ หมายเหตุ: • การวิเคราะห์แบบนี้มีค่าใช้จ่ายสูง จึงมักใช้กับพระที่มูลค่าสูงมากเท่านั้น • การพิจารณาแบบวิทยาศาสตร์มักต้องร่วมกับความรู้เรื่องพุทธศิลป์และประวัติศาสตร์ของพระด้วย ⸻ ถ้าอยากให้ช่วยจัดตารางเปรียบเทียบ “การดูพระแบบเซียน” vs “การดูพระแบบวิทยาศาสตร์” ก็บอกได้เลยนะครับ จะได้ชัดเจนขึ้นอีกครับ.