Скачать с ютуб การวินิจฉัยมะเร็ง ทำไมช้าจัง в хорошем качестве

การวินิจฉัยมะเร็ง ทำไมช้าจัง

การรักษามะเร็งครั้งแรกที่ได้รับการวินิจฉัยสำคัญที่สุด ชี้ชะตาชีวิต ควรเลือกโรงพยาบาลที่มีความพร้อม และผู้ป่วยมีความพร้อมในการติดตามการรักษาที่โรงพยาบาลนั้น เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง สิ่งที่ควรทำที่สุดก็คือการรีบรักษาในสถาบันที่มีความพร้อมในการรักษามะเร็ง สถาบันที่มีความพร้อม มีลักษณะดังนี้ 1. ความพร้อมของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านมะเร็งทุกสาขา ได้แก่ ศัลยแพทย์ หมอรังสีรักษาหมออายุรศาสตร์เคมีบำบัด หมอรังสีวินิจฉัยหมอพยาธิวิทยาผู้ดูผลชิ้นเนื้อ สถาบันที่มีความพร้อม แพทย์สหสาขาจะมีการประชุมร่วมกัน เพื่อวางแผนการรักษามะเร็ง เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า tumor board ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มีการประชุมสหสาขาในมะเร็งทุกอวัยวะ มีการประชุมเดือนละหลายๆครั้ง แยกกันไปตามแต่ความสนใจของแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญมะเร็งเฉพาะอวัยวะต่างๆ ทำให้มั่นใจได้ว่าลำดับในการวินิจฉัยและรักษา จะเป็นไปอย่างรวดเร็วและถูกต้องและเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย เหนือสิ่งอื่นใดคือการที่แพทย์สหสาขาได้ประชุมกันทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพ เมื่อมีสิ่งที่สงสัยก็สามารถพูดคุยในที่ประชุมได้ เช่นชิ้นเนื้อกับลักษณะอาการของผู้ป่วยไม่เข้ากัน แพทย์มะเร็งวิทยาสามารถคุยกับพยาธิแพทย์ซึ่งเป็นผู้อ่านชิ้นเนื้อได้ในที่ประชุม รังสีแพทย์สามารถชี้ตำแหน่งของก้อนมะเร็ง และต่อมน้ำเหลืองให้กับหมอผ่าตัดได้เห็น สามารถประเมินได้ว่าจะผ่าตัดด้วยเทคนิคใด ผ่าตัดออกได้หมดหรือไม่ ก้อนมะเร็งใหญ่เกินไปจำเป็นที่จะต้องได้การรักษานำเช่น การให้ยาเคมีบำบัดก่อนจะผ่าตัดหรือไม่ 2. ความพร้อมของเครื่องมือ และอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องมือที่จำเป็นอย่างมากในการวินิจฉัยได้แก่ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เครื่องเอ็มอาร์ เครื่องเพทซีที เครื่องมือที่ใช้ในการส่องกล้อง ทั้งหมดนี้จำเป็นอย่างยิ่งในการหาตำแหน่งของก้อนมะเร็ง เครื่องมือผ่าตัด หุ่นยนต์ผ่าตัดที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ก็มีความพร้อมอย่างยิ่ง สำหรับเครื่องมือฉายรังสีเป็นที่แน่นอนว่าตอนนี้ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มีเครื่องฉายรังสีหรือ 7 เครื่อง มีเครื่องจำลองการฉายรังสีด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ถึง 3 เครื่อง มีเครื่องจำลองการใช้รังสีด้วยเครื่อง MRI 2 เครื่อง และกำลังจะเปิดเครื่องฉายรังสี Proton เครื่องแรกและเครื่องเดียวในประเทศไทยในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งหมดที่กล่าวมาสามารถมั่นใจได้ว่าเครื่องมือในการรักษามะเร็งของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ไม่เป็นรองใครในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชีย 3. ความพร้อมของยาและเวชภัณฑ์ ยาที่เป็นมาตรฐาน ได้แก่ยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า ยาภูมิคุ้มกันบำบัด ยาแก้ปวดที่จำเป็น ผู้ป่วยมีทางเลือกในการรักษาอย่างดียิ่ง นอกจากนี้ยังมีการวิจัยยาใหม่ ซึ่งมักจะ Sponsor โดยบริษัทยา ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงยาใหม่ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ยาวิจัยมักใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยด้วยยามาตรฐานมาหมดแล้ว 4. ความพร้อมของการเข้าถึงบริการอันได้แก่การเบิกค่าใช้จ่ายได้ ในผู้ป่วยสิทธิต่างๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ผู้ป่วยข้าราชการ ผู้ป่วยบัตรทองและผู้ป่วยประกันสังคม ซึ่งจะต้องได้รับการส่งต่อจากโรงพยาบาลต้นสังกัด ผู้ป่วยมะเร็งควรประเมินศักยภาพของตน ในด้านกำลังทรัพย์ เวลา การเดินทางมารพ. เพื่อเข้าถึงบริการของโรงพยาบาลที่มีความพร้อม ผู้ป่วยบางคนไปรักษาในโรงพยาบาลที่ไม่มีความพร้อม ทำให้ลำดับการรักษาผิดพลาดหรือไม่ครบตามขั้นตอน บางแห่งไม่มีแพทย์มะเร็งวิทยาและที่แย่ที่สุดคือไม่ยอมส่งต่อไปสถาบันที่มีความพร้อมกว่า (กลัวว่าโรงพยาบาลของตนเองจะขาดทุนจากการต้องตามจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปยังรพ.ที่รับการส่งต่อ) ตลอดจนอาจจะมีข้อจำกัดในการเบิกจ่ายยา หรือมีเครื่องมือที่ไม่พร้อมทำให้การรักษาไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ซึ่งส่งผลให้เกิดการกำเริบของมะเร็งในภายหลัง บางโรงพยาบาลโฆษณาเครื่องมือที่ไม่ใช่มาตรฐานการรักษา ทำให้ดูเหมือนว่าเครื่องมือนั้นรักษามะเร็งได้ทุกโรค เป็นต้น นี่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่หมอขอเตือนว่า การรักษามะเร็งครั้งแรกสำคัญที่สุด เพราะการรักษาที่เหมาะสม ตามระยะของโรคและสภาพร่างกายของผู้ป่วยสำคัญมี่สุด มะเร็งระยะต้น หมอหวังผลรักษาให้หายขาดและป้องกันการแพร่กระจายและการกำเริบในอนาคต มะเร็งระยะแพร่กระจายหมอหวังผลในการเพิ่มคุณภาพชีวิตและยืดอายุของผู้ป่วย สำหรับมะเร็งระยะสุดท้ายหมอหวังผลเพื่อความสบายตัวของผู้ป่วยเป็นหลัก