У нас вы можете посмотреть бесплатно การบุกรุกที่ดิน ส ป ก ว่าจะมีความผิดในข้อหาใดและใครมีอำนาจดำเนินคดีได้บ้าง или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องการบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก. ว่าจะมีความผิดในข้อหาใดและใครมีอำนาจดำเนินคดีได้บ้าง เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030 / 2562 ได้วินิจฉัยไว้ โดยรายละเอียดมีอยู่ว่ามีจำเลยสามคนร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองในที่ดินที่ประกาศให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินซึ่งถือว่าเป็นที่ดินของรัฐอยู่ในความดูแลของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมผู้เสียหาย โดยจำเลยทั้งสาม ได้ร่วมกันก่นสร้าง แผ้วถาง แล้วยึดถือครอบครองปลูกสร้างอาคารและปลูกไม้ยืนต้นโดยไม่มีสิทธิครอบครองและไม่ได้รับอนุญาต ผู้เสียหายจึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสาม โดยพนักงานอัยการได้ฟ้องขอให้ศาลลงโทษในความผิดฐานบุกรุก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 และประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 อนุมาตราหนึ่ง และมาตรา 108 ทวิ วรรคหนึ่ง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่ามีความผิดตามคำฟ้องของพนักงานอัยการ ต่อมาจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาคห้า พิพากษาแก้ว่า มีความผิดเฉพาะตามประมวลกฎหมายที่ดิน ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ด้วย จำเลยฎีกา ศาลฎีกาได้วินิจฉัยวางหลักกฎหมายในเรื่องอำนาจฟ้องของพนักงานอัยการไว้ว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน เป็นความผิดที่กระทำต่อรัฐ ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งหมายความว่า ความผิดต่อรัฐหรือความผิดต่อแผ่นดินหรือที่เรียกว่าคดีอาญาแผ่นดิน โดยปกติรัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย ประชาชนไม่ใช่ผู้เสียหาย เว้นแต่ในบางกรณีผู้นั้นที่ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษจึงจะถือเป็นผู้เสียหายด้วยและมีอำนาจร้องทุกข์ได้ เมื่อเป็นความผิดต่อรัฐหรืออาญาแผ่นดิน พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนได้แม้จะไม่มีคำร้องทุกข์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 121 การสอบสวนของพนักงานสอบสวนจึงชอบด้วยกฎหมายและพนักงานอัยการมีอำนาจฟ้องคดี โดยไม่ต้องพิจารณาว่าผู้ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีจะเป็นผู้ใด ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับใครบ้าง หรือได้รับมอบอำนาจจากผู้เสียหายที่แท้จริงหรือไม่ หนังสือมอบอำนาจให้ร้องทุกข์จะติดอากรแสตมป์และมีตราประทับของผู้มอบอำนาจหรือไม่ เราจะเห็นได้ว่าที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม หรือ ส.ป.ก. เนี่ย ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 เป็นการที่รัฐได้นำที่ดินของรัฐ หรือที่ดินที่รัฐจัดซื้อหรือเวนคืนจากเจ้าของที่ดิน ซึ่งมิได้ทำประโยชน์ในที่ดินนั้นด้วยตนเอง หรือมีที่ดินเกินสิทธิ เพื่อนำมาจัดสรรให้แก่เกษตรกรผู้ไม่มีที่ดินของตนเองหรือเกษตรกรที่มีที่ดินเล็กน้อยไม่เพียงพอแก่การครองชีพ และสถาบันเกษตรกรได้เช่าซื้อ เช่าหรือเข้าทำประโยชน์ ที่ดินดังกล่าวจึงเป็นของรัฐ เมื่อมีการบุกรุกจึงเป็นการทำให้รัฐเสียหายและเป็นอาญาแผ่นดิน ใครก็ตามแม้ไม่ใช่ ส.ป.ก. เอง ก็สามารถกล่าวโทษหรือแจ้งความให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีกับผู้บุกรุกตามประมวลกฎหมายที่ดินได้ สิ่งที่น่าสังเกตในฎีกาที่ 1030 / 2562 นี้ ก็คือที่ดิน ส.ป.ก. ที่เกิดเหตุ ไม่ได้ระบุเลขแปลงไว้ น่าจะเป็นกรณีที่ยังเป็นที่ดินที่ยังไม่ได้จัดสรรให้แก่ประชาชนรายใดเข้าครอบครอง ที่ดินจึงยังอยู่ในการความครอบครองดูแลของ ส.ป.ก.โดยสมบูรณ์ โดยที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งแม้กฎหมายจะระบุให้เป็น กรรมสิทธิ์ของ ส.ป.ก. แต่การเป็นกรรมสิทธิ์ของ ส.ป.ก. ดังกล่าว ไม่ได้เป็นการถือกรรมสิทธิ์อย่างเอกชนหรือประชาชนทั่วไป เป็นกรรมสิทธิ์เพียงแค่รักษา ครอบครองดูแลเพื่อจัดสรรให้แก่เกษตรกรตามกฎหมายเท่านั้น การบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก. กรณีที่ยังไม่ได้จัดสรรให้เกษตรรายใดอย่างฎีกานี้ จึงไม่ผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ด้วย ดังผลทางกฎหมายที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยไว้ แต่ถ้าหากว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก. ที่ได้มีการจัดสรรให้เกษตรกรรายใดเข้าครอบครองทำประโยชน์แล้ว หรือมีบุคคลใดครอบครองทำประโยชน์อยู่ก่อนแล้ว การเข้าบุกรุก รบกวน ขัดขวางการครอบครองของผู้ที่ครอบครองอยู่ก่อน ย่อมเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย ดังคำพิพากษาฎีกาที่ 15933 ทับ 2557 ผู้ครอบครองอยู่ก่อนย่อมเป็นผู้เสียหาย สามารถร้องทุกข์หรือเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการให้ดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญาได้ด้วย