У нас вы можете посмотреть бесплатно ฎีกา InTrend Ep.142 นำเงินไปวางตามเช็คแต่โจทก์แถลงไม่ประสงค์รับ จะมีผลต่อคดีอาญาเกี่ยวกับเช็คอย่างไร или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
ฎีกา InTrend Ep.142 นำเงินไปวางตามเช็คแต่โจทก์แถลงไม่ประสงค์รับ จะมีผลต่อคดีอาญาเกี่ยวกับเช็คอย่างไร The Host : กองสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สำนักงานศาลยุติธรรม Guest Host : สรวิศ ลิมปรังษี ที่ปรึกษา : สรวิศ ลิมปรังษี, สุริยันณห์ หงษ์วิไล, ทัสสญุชุ์ กุลสิทธิ์ชัยญา, ณัฐสิมา อนันทนุพงศ์ Show Creator : ศณิฏา จารุภุมมิก Episode Producer & Editor : ศณิฏา จารุภุมมิก, รวิภา กิ่งจักร์ Sound Designer & Engineer : กฤตภาส ทองแจ้ง, กิติชัย โล่สุวรรณ Coordinator & Admin : โสรัตน์ ไวศยดำรง, สุพัตรา ขำมีศักดิ์, สุภาวัชร์ ดลมินทร์ Art Director : สุภาวัชร์ ดลมินทร์, ปันจารีณ์ สุวรรณโภชน์, กนกกูล วสยางกูร Webmaster : ผุสชา เรืองกูล, วชิระ โรจน์สุธีวัฒน์ หนี้อันเกิดจากเช็คตามปกติแล้วเป็นหนี้ทางแพ่ง แต่กฎหมายกำหนดให้เป็นความผิดอาญาด้วยหากปรากฏว่าการออกเช็คนั้นผู้ออกไม่มีเจตนาจะให้มีการใช้เงินตามเช็ค เนื่องจากการกระทำดังกล่าวมีผลทำให้เช็คขาดความน่าเชื่อถือ แต่ด้วยความที่พื้นฐานเดิมเป็นเรื่องหนี้ทางแพ่งทำให้กฎหมายเปิดช่องให้คดีอาญาอาจระงับไปได้หากมีการใช้เงินตามเช็ค แต่ปัญหาที่จะนำมากล่าวถึงในตอนนี้จะเป็นกรณีที่จำเลยนำเงินตามยอดเงินในเช็คไปวางศาลแต่ฝ่ายโจทก์แถลงไม่ประสงค์จะรับเงินดังกล่าว จะมีผลอย่างไรต่อคดีอาญาเกี่ยวกับเช็คนั้น นายจันทร์ได้กู้เงินนายอังคารจำนวน 400,000 บาท เมื่อถึงกำหนดแล้วนายจันทร์ได้ออกเช็คจำนวน 500,000 บาท เพื่อชำระหนี้เงินกู้ทั้งในส่วนเงินต้นและดอกเบี้ย แต่เมื่อนายอังคารนำเช็คไปขึ้นเงินจากธนาคาร ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน เนื่องจากเงินในบัญชีไม่พอจ่าย นายอังคารจึงได้ฟ้องนายจันทร์เป็นคดีอาญาในข้อหาออกเช็คโดยไม่มีเจตนาจะใช้เงินตามเช็ค ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายจันทร์กำหนด 3 เดือน นายจันทร์อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน นายจันทร์จึงได้ยื่นฎีกา โดยในฎีกานายจันทร์ได้ระบุด้วยว่าขอถอนคำให้การเดิมและให้การรับสารภาพ และได้นำเงิน 5 แสนบาทตามเช็คมาวางศาลและแจ้งให้โจทก์มารับเงินไปแล้ว ศาลชั้นต้นได้นัดพร้อมเพื่อสอบถามคู่ความ ในวันนัด ทนายโจทก์แถลงต่อศาลชั้นต้นว่าฝ่ายโจทก์ไม่ประสงค์จะรับเงินที่จำเลยนำมาวางไว้ เนื่องจากไม่ทำให้หนี้ตามเช็คสิ้นผลไป และยังมีคดีที่นายจันทร์เป็นหนี้ต่อนายอังคารอีกหลายเรื่อง จึงไม่ประสงค์ยอมความในคดีนี้ ในส่วนที่นายจันทร์ระบุในฎีกาว่าขอถอนคำให้การเดิมและให้การรับสารภาพนั้น การแก้ไขคำให้การของจำเลยจะต้องกระทำก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 ผลจึงเป็นเพียงการที่นายจันทร์สละข้อต่อสู้ที่เคยต่อสู้ในคดี และยอมรับข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เท่านั้น ปัญหาสำคัญในคดีนี้คงอยู่ที่การที่นายจันทร์นำเงินไปวางศาลตามจำนวนในเช็ค แต่เมื่อศาลสอบถามฝ่ายนายอังคารแล้ว ทนายความฝ่ายนายอังคารแถลงว่าไม่ประสงค์จะรับเงินนั้น เพราะไม่ทำให้หนี้ตามเช็คสิ้นผล และมีหนี้อื่นค้างชำระอีกหลายรายการ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา 7 กำหนดไว้ว่า หากหนี้ที่ผู้กระทำความผิดได้ออกเช็คเพื่อใช้เงินนั้นได้สิ้นผลผูกพันไปก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ถือว่าคดีเลิกกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กรณีนี้นายจันทร์ออกเช็คเพื่อชำระหนี้เงินกู้ทั้งต้นเงินและดอกเบี้ยเป็นเงิน 5 แสนบาท นายจันทร์ได้เงินตามจำนวนดังกล่าวมาวางศาลเพื่อให้ฝ่ายนายอังคารมารับไปเพื่อชำระหนี้ที่ค้าง แม้ทนายความของนายอังคารจะแถลงต่อศาลว่าไม่ประสงค์รับเงิน เพราะไม่ทำให้หนี้ตามเช็คสิ้นผลไป แต่ฝ่ายนายอังคารก็ไม่ได้ให้เหตุผลว่าเหตุใดแม้นายจันทร์นำเงินมาวางเต็มจำนวนตามเช็คแล้วถึงไม่ทำให้หนี้ระงับไป ส่วนที่อ้างว่ามีหนี้อื่นอีกหลายรายการค้างอยู่ด้วย ส่วนของหนี้อื่นที่ไม่ได้เกี่ยวกับหนี้ตามเช็คคงต้องไปว่ากันเป็นเรื่อง ๆ ไป การที่มีหนี้อื่นค้างอยู่ ไม่ว่าจะมากน้อยเพียงใดก็ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือมีผลต่อหนี้ตามเช็คแต่อย่างใด การที่นายจันทร์นำเงินมาวางเต็มจำนวนตามเช็คไว้ต่อศาลเพื่อให้ฝ่ายนายอังคารรับไป แต่ไม่ว่านายอังคารจะมารับเงินนั้นไปหรือไม่ก็ถือว่าเป็นการชำระหนี้ตามเช็คแล้ว หนี้ตามเช็คย่อมสิ้นผลผูกพันไป คดีจึงต้องเลิกกันตามมาตรา 7 ดังกล่าว ดังนั้น หากจำเลยในคดีที่ถูกฟ้องว่าออกเช็คโดยไม่มีเจตนาใช้เงินตามเช็คได้นำเงินมาวางศาลแล้ว แม้ว่าโจทก์จะแถลงไม่ประสงค์รับเงินก็ถือว่าหนี้ตามเช็คสิ้นผลผูกพันและสิทธินำคดีอาญามาฟ้องเป็นอันเลิกกันแล้ว (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1731/2565