У нас вы можете посмотреть бесплатно พระปาราชิกทำไม่จึงยังเป็นพระอยู่? โดยพระมหาภาคภูมิ สีลานนฺโท или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
#พระปาราชิกทำไมจึงยังเป็นพระอยู่? โดย พระมหาภาคภูมิ สีลานนฺโท บรรยายในโครงการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ รุ่นที่ ๔ "ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม ณ วัดนิสสรณวนาราม ต.จำปาหล่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง วันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ คำว่า #อุปสัมบัน แปลว่า ผู้ที่ถึงฐานะที่สูงด้วยดี (หมายถึงฐานะสูงกว่าสามเณร) แปลให้เข้าใจง่ายๆ ว่า "ผู้ที่อุปสมบทแล้ว" ก็ได้ หมายถึง ภิกษุ ส่วนบุคคลอื่นมีสามเณรและคฤหัสถ์เป็นต้น เรียกว่า #อนุปสัมบัน อุปสัมบัน มีองค์ประกอบ ๒ อย่าง คือ ๑. ความเป็นภิกษุ ซึ่งได้มาขณะจบญัตติจตุตถกรรมวาจาอุปสมบทกรรม ๒. เพศภิกษุ คือผ้ากาสายะที่ได้รับจากอุปัชฌาย์ในขณะบรรพชาอุปสมบท ถ้ากรณีพระต้องอาบัติปาราชิกด้วยเมถุนธรรมสิกขาบทเป็นต้น ตราบใดที่ยังไม่ปฏิญญาตนเป็นสามเณรหรือตราบใดที่ยังไม่สละผ้ากาสายะอย่างไม่มีเยื่อใยปฏิญญาตนเป็นคฤหัสถ์ ก็ยังจัดเป็นอุปสัมบัน จาโค โย ภิกฺขุภาวสฺส สา ปาราชิกเทสนา. การสละสถานะภิกษุเป็นการแสดงอาบัติปาราชิก (ขุททสิกฺขา. คาถา ๓๘๒) แต่ถ้ากรณีปาราชิกด้วยภิกขุนีทูสกะ (ข่มขืนภิกษุณี) เป็นต้น (เป็นต้น รวมเอาปาราชิกด้วยเหตุที่กลายเป็นอภัพพบุคคลที่เหลือมีการเป็นบัณเฑาะก์หรือเถยยสังวาสก์เป็นต้น) ก็จะจัดเป็นอนุปสัมบัน (เพราะเมื่อจัดเป็นอภัพพบุคคล ก็จะกลายเป็นผู้ที่ห้ามบวชในพระพุทธศาสนา) *บุคคลที่ต้องปาราชิกแล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุข้อใด จะไม่มีการต้องอาบัติอื่นอีก เพราะไม่มีสังวาสเหมือนภิกษุปรกติ (สังวาส มี ๓ คือ การทำสังฆกรรมร่วมกัน, การสวดปาติโมกข์ร่วมกัน และการมีสิกขาเสมอกัน) (ดูหลักฐานในคัมภีร์กังขาวิตรณีปุราณฏีกา น.๔๙-๕๐ ท้ายปาราชิกวรรณนา และวิมติวิโนทนีฎีกาตอนอธิบายคำว่า หีนายาวัตตนะ (เวียนไปสู่เพศที่ต่ำ) ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุขาดประเคน ท่านระบุไว้ชัดเจนเลยว่า ปาราชิกํ อาปนฺโน หิ ตํ ปฏิจฺฉาเทตฺวา ยาว ภิกฺขุปฏิญฺโญ โหติ, ตาว ภิกฺขุ เอว โหติ. (วิมติ.๑/๒๐๐) เป็นความจริงว่า พระต้องอาบัติปาราชิกแล้วปกปิดไว้ ยังปฏิญญาว่าตนเป็นพระตราบใด ก็ยังเป็นพระอยู่ตราบนั้นทีเดียว (เป็นพระปาราชิก) **หากพระทั้งที่รู้อยู่ ยังร่วมสังฆกรรมมีอุโบสถกรรมเป็นต้นกับพระปาราชิก ต้องอาบัติทุกกฏ ยกเว้นกรณีมีอันตรายต่อชีวิตหรือพรหมจรรย์ ถ้าไม่รู้ ไม่ต้องอาบัติ ***แม้พระปาราชิกจะยังจัดเป็นอุปสัมบันอยู่ แต่หากไม่ยอมทำคืนตามธรรมคือไม่ยอมทำให้ตนเป็นอนุปสัมบันโดยการปฏิญญาตนเป็นสามเณรหรือสละผ้ากาสายะปฏิญญาตนเป็นคฤหัสถ์ อาบัติปาราชิกนั้นก็ย่อมเป็นอันตรายิกธรรม คือ เป็นสิ่งที่ทำอันตรายคือห้ามการบังเกิดในสุคติในชาติถัดไป (คือต้องไปอบายแน่นอน) ห้ามการบรรลุฌาน มรรค ผล นิพพาน ในชาติปัจจุบัน และการใช้สอยปัจจัย ๔ คือ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขารของเขาย่อมเป็นการใช้สอยแบบขโมย (เถยยบริโภค) ติดตามในช่องทางอื่นๆ: Facebook : เพจนานาวินิจฉัย / mahasilananda Facebook : พระมหาภาคภูมิ สีลานนฺโท / mahaparkpoom TikTok : นานาวินิจฉัย / mahasilananda Instagram : นานาวินิจฉัย / mahasilananda