เสียงอีเห็นข้างลาย เสียงอีเห็นสำหรับต่อ เสียงต่ออีเห็น​ชัดๆอีเห็นข้างลายตัวเมียร้องหาคู่ เข้าไว 100% скачать в хорошем качестве

เสียงอีเห็นข้างลาย เสียงอีเห็นสำหรับต่อ เสียงต่ออีเห็น​ชัดๆอีเห็นข้างลายตัวเมียร้องหาคู่ เข้าไว 100%

เสียงอีเห็นข้างลาย เสียงอีเห็นสำหรับต่อ เสียงต่ออีเห็น​ชัดๆอีเห็นข้างลายตัวเมียร้องหาคู่ เข้าไว 100% อีเห็น อีเห็น หรือ กระเห็น (อีสาน: เหง็น; ใต้: มูสัง) เป็นสกุลของสัตว์กินเนื้อสกุลหนึ่ง ใช้ชื่อสกุลว่า Paradoxurus ในวงศ์ชะมดและอีเห็น (Viverridae) อีเห็น มีความแตกต่างจากชะมด (Viverra spp.) ซึ่งเป็นสัตว์อีกสกุลในวงศ์นี้ คือ อุ้งตีนมีลักษณะเหมาะสมสำหรับการปีนป่าย โดยเฉพาะนิ้วที่ 3 และ 4 ของตีนหลังบางส่วนมีพังผืดเชื่อมติดกัน อุ้งตีนแยกออกเป็น 4 ส่วน อีเห็นจะมีนิ้วตีนทั้งหมดที่อุ้งตีนข้างละ 5 นิ้ว มีเล็บคมยาวไว้ปีนป่าย ขนาดอุ้งตีนของอีเห็นจะเล็กกว่าชะมด เพราะอีเห็นจะปีนป่ายต้นไม้หากินมากกว่าชะมด ที่หากินตามพื้นดิน แต่ทั้ง 2 สกุลนี้ เมื่อลงพื้นดิน โดยเฉพาะดินที่อ่อนนุ่ม จะฝากรอยเท้าทิ้งเอาไว้ให้สังเกตเห็นได้ง่าย อีกทั้ง อีเห็นจะเป็นสัตว์กินพืชและผลไม้มากกว่าชะมด ขณะที่ชะมดจะกินสัตว์ต่าง ๆ เช่น กบ หรือเขียด หรือปลา เป็นอาหารมากกว่าพืช อีเห็น เป็นสัตว์ที่กระจายพันธุ์ทั้งแต่เอเชียใต้ จนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งที่เป็นแผ่นดินใหญ่ และหมู่เกาะต่าง ๆ นอกจากนี้แล้วในบางประเทศ เช่น อินโดนีเซีย หรือ เวียดนาม มีการเลี้ยงอีเห็นในสกุลนี้ให้กินเมล็ดกาแฟ เมื่อถ่ายมูลออกมาแล้ว เมล็ดกาแฟจะไม่ถูกย่อยสลาย จะออกมาเป็นเมล็ดเหมือนเดิม จากนั้นจะนำไปล้างและคั่วเป็นกาแฟสำหรับจำหน่าย ซึ่งกาแฟลักษณะนี้เรียกว่า "กาแฟขี้ชะมด" เป็นกาแฟที่มีรสชาติกลมกล่อม หอมหวาน อร่อยกว่ากาแฟทั่วไป จึงมีราคาขายที่แพงกว่ากาแฟปกติทั่วไป ทั้งนี้เนื่องจากในระบบย่อยอาหารของอีเห็นมีเอนไซม์ที่ทำให้เมล็ดกาแฟมีรสชาติที่หอมหวาน Asian palm civet (Paradoxurus) Paradoxurus is a genus of three palm civets within the viverrid family that was denominated and first described by Frédéric Cuvier in 1822. The Paradoxurus species have a broad head, a narrow muzzle with a large rhinarium that is deeply sulcate in the middle. Their large ears are rounded at the tip. The tail is nearly as long as the head and body. The three species are the Asian palm civet, the Golden palm civet, and the Brown palm civet. Characteristics Paradoxurus species have a broad head, a narrow muzzle with a large rhinarium that is deeply sulcate in the middle. Their large ears are rounded at the tip, the interior ridges and bursae are well developed. The skull exhibits marked muscular moulding, and the postorbital area is deeply constricted shortly behind the well-developed postorbital processes. It is considerably narrower than the interorbital area and than the muzzle above the canines. The dental formula is 3.1.4.2 3.1.4.2. The palate is not produced behind to cover the anterior half of the mesopterygoid fossa, and is flat and expanded between the posterior cheek teeth. The tail is nearly as long as the head and body, sometimes quite as long, and about six times as long as the hind foot. Taxonomy As of 2005, this genus was defined as comprising three species native to Southeast Asia : In 2009, it was proposed to also include the golden wet-zone palm civet (P. aureus, Cuvier, 1822), the Sri Lankan brown palm civet (P. montanus, Kelaart, 1852) and the golden dry-zone palm civet (P. stenocephalus, Groves et al., 2009), which are endemic to Sri Lanka. A subsequent study found very low genetic diversity and no geographical structure within the golden palm civet and did not support the proposed split. Comparison of morphological data indicate that the Asian palm civet comprises three major clades that should be recognized as separate species: namely one in the Indian subcontinent and Southeast Asia (as Paradoxurus hermaphroditus sensu stricto), one in Sumatra, Java and other small islands (Paradoxurus musanga), and the third in the Philippines and the Mentawai Islands (Paradoxurus philippensis). Genetic data, however, do not support species level distinction. ที่มา : https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%... according to the website : https://en.wikipedia.org/wiki/Paradox... #เสียงต่ออีเห็นข้างลายความคมชัดสูง7ชั่วโมง