У нас вы можете посмотреть бесплатно 'ส.ว.ประภาศรี' ยันยกมือให้ 'พิธา' ชี้แก่แล้ว ปล่อยให้คนรุ่นใหม่ดูแลประเทศ или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
จากกรณี ทั้งพรรคการเมืองและประชาชนได้ออกมาเรียกร้องให้ ส.ว.ยกมือโหวตให้กับ นายพิธา ในการเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจาก ส.ว.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และ ความจริงแล้ว ส.ว.ไม่ได้มีหน้าที่ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จนทำให้ตอนนี้ ประชาชนได้จับตามองท่าทีของ ส.ว.กันแบบชั่วโมงต่อชั่วโมง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา ประกาศจุดยืนเคารพมติของประชาชน เห็นชอบ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี” นางประภาศรี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับทีมข่าว ยันยันจะยกมือโหวตให้กับนายพิธา แน่นอน โดยตนเป็น ส.ว. เข้าสู้ปีที่ 5 แล้ว เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศ เมื่อประเทศเป็นประชาธิปไตยมีการเลือกตั้งแล้ว และพรรคก้าวไกล ก็ได้รับเลือกมาเป็นอันดับ 1 ก็เป็นความชอบธรรมที่นายพิธาจะได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และเป็นความชอบธรรมที่นายพิธาจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะพรรคไหนมีเสียงเป็นอันดับ 1 ก็เป็นความชอบธรรมของเขาที่จะรวบรวมเสียงเข้ามาเป็นรัฐบาล นายพิธาไม่ได้รู้จักตน แต่ตนเห็นนายพิธาในสภาตลอด เจอกันก็ให้กำลังใจ เคยพูดกับนายพิธาว่า “เลือกก้าวไกล ประเทศไทยจะไม่มีโกง” ตนเองเป็นคนที่ต่อต้านการคอรัปชั่นอย่างมาก และต่อต้านการซื้อเสียง หลังจากที่นายพิธารณรงค์หาเสียง ตนก็ได้ฟังนโยบายที่เขาพูด เข้าไปดูประวัติ คิดว่าเขาทำได้ “เราควรจะปล่อยให้คนรุ่นใหม่มีหน้าที่ดูแลประเทศต่อไป หลายประเทศคนมีอายุน้อยก็เป็นผู้นำประเทศได้ ผู้ใหญ่ที่มีความสามารถก็มาเป็นที่ปรึกษา เราแก่แล้วก็ต้องถอยออกมา แล้วให้คนหนุ่มสาวขึ้นมาปฏิบัติหน้าที่แทนเรา” ส่วนที่มี ส.ว.บางท่านจะไม่ยกมือโหวตให้กับนายพิธา ตนมองว่าเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล ประชาธิปไตยก็คือความแตกต่าง เราต้องยอมรับในความแตกต่าง นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ว่าเมื่อเปิดสวิตช์ให้ ส.ว. ก็จะลงมติตามหลักการประชาธิปไตย ถ้ารวบรวมได้เสียงข้างมากก็ยินดีสนับสนุน ยืนยันจะโหวตตามเสียงข้างมาก เดิมมีอยู่ 2 คำคือคำว่า แลนด์สไลด์ และปิดสวิตช์ ส.ว. ความหมายของสองคำนี้คือ ไม่จำเป็นต้องใช้เสียง ส.ว. แต่ใช้เสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 376 คน ถ้าเป็นไปตามนั้น ส.ว. ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สิทธิ ตอนแรกตนตั้งใจว่าจะงดออกเสียง เนื่องจากเมื่อได้เสียงเกิน 376 เสียงแล้วตนก็ไม่จำเป็นต้องใช้สิทธิ ควรจะเป็นสิทธิของ ส.ส. “เมื่อรวมกันแล้ว 313 เสียง และไม่ตั้งใจที่จะรวบรวมมากกว่านี้ แสดงว่ามีการเปิดสวิตช์ ส.ว. แล้ว ผมในฐานะ ส.ว. ตามสิทธิที่มีอยู่ตามหลักรัฐธรรมนูญ ตามสิทธิครรลองของประชาธิปไตย ด้วยการโหวตให้ตามเสียงข้างมากของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตอนแรกที่ไม่ได้พูดออกมา เพราะต้องรอว่า ส.ส. จะปิดสวิตช์ ส.ว. หรือไม่ ซึ่งก็เป็นหลักการตามประชาธิปไตยอย่างหนึ่ง” ส่วน ส.ว.ท่านอื่นที่ไม่ยกมือโหวตให้นายพิธา ก็เป็นวิจารณาญาณส่วนตัว ส่วนหนึ่งอาจเป็นไปได้ว่าการสื่อสารทางความคิดอาจไม่ได้เป็นไปนทิศทางเดียวกัน เพราะเดิมมีความว่าปิดสวิตช์ ส.ว.หลายคนตั้งใจจะงดออกเสียงรวมถึงตนเองด้วย เพราะเขาดำเนินการกันเองในการรวบรวมเสียงโดยไม่ต้องพึ่ง ส.ว. นายสถิตย์ ยังกล่าวถึงกรณี ไอติม-พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กจดหมายเปิดผนึกถึง ส.ว. 250 คนว่า สิ่งที่พริษฐ์ได้ทำถือว่าเป็นประโยชน์มาก มีวิธีการสื่อสารที่ดี เพราะมาในแนวทางของการให้เกียรติ จูงใจที่มีเหตุผล เป็นการพูดที่เข้าใจคนต่างวัย เป็นการสื่อสารที่มีตรรกะของความเข้าใจมากกว่าการสร้างความไม่เข้าใจระหว่างรุ่น ซึ่งทำให้มีผลในทางที่ดี นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว. กล่าวถึงการโหวตเลือก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ตอนแรกคิดจะงดออกเสียงเพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.ตามที่เรียกร้องกัน แต่เมื่อถึงตอนนี้จะโหวตตามน้ำคือ ส.ส.เป็นน้ำ เอาอย่างไรตนก็เอาอย่างนั้น ไม่ต้องใช้สมองคิดเลย ไม่ต้องใช้วิจารณญาณเลย นพ.พลเดช ปิ่นประทีป ส.ว. กล่าวว่า แนวทางโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของตนเองจะดูว่าฝ่ายใดรวบรวมเสียงข้างมากได้เกิน 250 เสียง ก็พร้อมโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล หรือใครก็ตาม เพราะถือเป็นฉันทามติที่ประชาชนต้องการ และสถานการณ์ปี 2566 ไม่เหมือนปี 2562 จะถอยกลับไปเป็นแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว เรื่องการตอบแทนควรหมดไป ปราศจากการพันธนาการใดๆ นพ.พลเดชกล่าวว่า ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 นั้น ฝ่ายรัฐบาลต้องพึงระวังในนโยบายบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าจะนำนโยบายหาเสียงที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อนบางเรื่องมาเป็นนโยบายบริหารประเทศต้องระมัดระวัง รอบคอบ โดยเฉพาะการเป็นรัฐบาลผสมยิ่งต้องระวัง ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาก็พังด้วยกันทั้งหมด เรื่องมาตรา 112 เป็นเรื่องล่อแหลม ถ้าสุดโต่งเกินไปอาจเกิดความขัดแย้งกลายเป็นสงครามกลางเมืองได้ “บางคนที่เลือกพรรคก้าวไกลอาจชอบใจในนโยบายอื่นที่มีเป็นร้อยนโยบายของพรรค ไม่ได้หมายความว่าเลือกก้าวไกล แล้วจะเห็นด้วยกับการแก้มาตรา 112 ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลต้องรอบคอบ เจรจาต่อรองกันให้ดี” นพ.พลเดชกล่าว นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กล่าวว่า ส.ว.ไม่ได้มีการแบ่งว่าเป็นสายใคร ทุกคนเป็นอิสระ เวลานี้พรรคก้าวไกลต้องการเสียงจาก ส.ว. 60 กว่าเสียง ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจะครบหรือไม่ เพราะเหลือเวลาอีก 1-2 เดือน อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://ch3plus.com/news/political/mo... ------------------------- #เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News) วันที่ 19 พฤษภาคม 2566 ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารก่อนใครได้ที่นี่ ch3plus : https://ch3plus.com/news/programs/mor... facebook : / morningnewstv3 Twitter : / morningnewstv3 YouTube : https://cutt.ly/MorningnewsTV3 #3PlusNews #Ch3Plus #ข่าวช่อง3