У нас вы можете посмотреть бесплатно *นายกรัฐมนตรีไทยมอบพระไตรปิฏก ฉบับสัชฌายะ ให้นายกรัฐมนตรีอินเดีย # 1/4 или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
*นายกรัฐมนตรีไทยมอบพระไตรปิฏก ฉบับสัชฌายะ ให้นายกรัฐมนตรีอินเดีย # 1/4 สวัสดีครับ ระหว่างวันที่ 3-4 เมษายน พ.ศ. 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีให้การต้อนรับนายนเรนทร โมที นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐอินเดีย ในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำ BIMSTEC ครั้งที่ 6 ที่กรุงเทพฯ เป็นการเยือนไทยอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีโมทีในปีที่ทั้งสองประเทศเฉลิมฉลอง 78 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน บิมสเทค (อังกฤษ: BIMSTEC) เป็นองค์กรระหว่างประเทศของ 7 ประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประชากร 1.73 พันล้านคน และมีผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศรวมกัน 4.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ข้อมูลปี 2565) ประเทศสมาชิกบิมสเทค ได้แก่ บังกลาเทศ ภูฏาน อินเดีย พม่า เนปาล ศรีลังกา และไทย อยู่ในกลุ่มประเทศ ที่ตั้งอยู่บริเวณอ่าวเบงกอล ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมอบพระไตรปิฎก ฉบับสัชฌายะ ซึ่งเน้นการออกเสียงสวดพระไตรปิฎกในภาษาบาลี ที่แม่นตรงตามสมัยพุทธกาล ให้แก่นายกรัฐมนตรีโมที เพื่อเป็นของขวัญแห่งสันติภาพและพุทธปัญญาจากชาวไทย โดยพระไตรปิฎกฉบับพิเศษนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ผมขอเพิ่มรายละเอียดเกี่ยวกับพระไตรปิฎกฉบับพิเศษ มาให้ทราบ สรุปจากข้อเขียนของคุณ อัศวินี ตรีเนตร ดังนี้ครับ จาก พ.ศ.1 ถึงรัตนโกสินทร์ นวัตกรรมโน้ตเสียงปาฬิ ใน ‘พระไตรปิฎกฉบับสัชฌายะ’ โครงการเผยแผ่พระไตรปิฎกสากล ฉบับสัชฌายะ’ ชุด ภ.ป.ร. และชุด ส.ก. พ.ศ. 2559 เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ในปีนี้ ประเทศไทยจะเริ่มเผยแผ่ ‘พระไตรปิฎกฉบับสัชฌายะ’ ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านภาษาศาสตร์และเทคโนโลยีทางเสียง มากำกับการออกเสียงให้ถูกต้องตามเสียงอ่านในสมัยพระพุทธกาลไปยังนานาประเทศ จาก พ.ศ.1 ถึงรัตนโกสินทร์ ‘พระไตรปิฎก’ ในสยาม จากใบลานสู่โรงพิมพ์ ศาสตราจารย์พิเศษ ธงทอง จันทรางศุ ย้อนที่มาของการจดจารพระไตรปิฎก กล่าวคือ ในสมัยพระพุทธกาล ไม่ได้มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เป็นการ ‘ท่องจำ’ ต่อมา หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานได้ 3 เดือน ผู้คนจึงเริ่มไม่แน่ใจว่าที่ท่องคำสอนมานั้นผิดถูกอย่างไร จึงเกิดการ ‘สังคายนา’ ครั้งแรก คือการซักซ้อม สวดและสอบทานพร้อมกัน กระทั่งราว 100 ปีต่อมา เกิดสังคายนาครั้งที่ 2 แต่ก็ยังไม่มีการจดบันทึกด้วยตัวอักษร ครั้นถึงสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช โปรดให้มีการสังคายนารอบที่ 3 โดยใช้วิธีท่องบทสวดภาวนา และส่งพระธรรมฑูตไปประเทศต่างๆ มากมาย โดยมีหลักฐานสำคัญคือส่งที่เมืองลังกา ประเทศอินเดีย ประมาณ พ.ศ. 230-250 ในสมัยนั้นยังท่องเป็นภาษาของแคว้นมคธ (ภาษาบาลี) แต่เริ่มเกิดปัญหาและมีความคลาดเคลื่อน เพราะอยู่ห่างจากต้นทางเป็นเวลากว่า 200 ปีแล้ว จึงต้องเริ่มบันทึก โดยใช้อักษรสิงหลของลังกานั่นเอง “พระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระธรรมทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปหลายๆ ประเทศ ส่วนใหญ่มาในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยสมณทูตเดินทางจากลังกามายังนครศรีธรรมราชราว พ.ศ.1800 ตรงกับสมัยสุโขทัย เรียกว่า พุทธศาสนา ลังกาวงศ์ พอมาถึงสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ในเมืองลังกาเกิดปัญหาสิ้นสมณวงศ์ กล่าวคือ หมดพระที่จะบวชได้ จากการถูกคุกคามของเจ้าอาณานิคมอย่างโปรตุเกส พระบางรูปเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น จึงขอสมณทูตจากไทยไปบวชที่เมืองลังกา นิกาย สยามวงศ์ ส่วนที่ไทยคือ ลังกาวงศ์” จากนั้น มีการบันทึกหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ด้วย ‘อักษรขอม’ ในดินแดนไทย จากใบลาน สมุดข่อย (สมุดไทย) กระทั่งเข้าสู่โลกการพิมพ์ “ภาษาบาลี เราเคารพ เราไม่อยากจะเปลี่ยนต้นฉบับ จึงเริ่มเขียนเป็นอักษรสิงหล แต่ก็มีปัญหาคนไทยอ่านอักษรสิงหลไม่ออก ต้องเปลี่ยนตัวเขียนใหม่ อักษรที่คนไทยสมัยนั้นอ่านออกเขียนได้มีแค่อักษรขอม โดยเขียนลงใบลาน ต่อมาขยับขยายเป็นสมุดไทย โดยใช้ภาษาบาลี อักษรขอม ครั้นเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2310 มาถึงรัชกาลที่ 1 ทางฝ่ายกฎหมายต้องชำระประมวลใหม่ ตอนนั้นยังไม่มีโรงพิมพ์ คัมภีร์ทางศาสนา ยังคัดลอกด้วยลายมือ และยังไม่มีหลายฉบับมากนัก เราเพิ่งผ่านศึกสงครามมา ต้องตั้งมั่น ตั้งเมือง ต้องสร้างกติกาและขวัญกำลังใจให้ผู้คนใหม่ คัมภีร์ในพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องสำคัญ จึงมีการชำระพระไตรปิฎก โดยอยู่ในพระราชูปถัมภ์ของรัชกาลที่ 1 และสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท จดจารลงใบลาน ปิดด้วยทองอย่างสวยงาม เก็บรักษาไว้ที่ตู้พระธรรมในวัดพระแก้ว เมื่อโลกพัฒนาการมาถึงสมัยรัชกาลที่ 3 เทคโนโลยีการพิมพ์เริ่มเข้ามาในไทย จนถึงรัชกาลที่ 4 ทรงสนพระทัยด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมใหม่ๆ จึงมีโรงพิมพ์หลวง มีการพิมพ์พระราชกิจจานุเบกษา รวมถึงเอกสารสำคัญของประเทศ จนมาถึงสมัยรัชกาลที่ 5 มีการพิมพ์พระไตรปิฎกออกมาเป็นหนังสือด้วยภาษาบาลี อักษรไทยเมื่อ พ.ศ.2436 และพระราชทานเผยแพร่ไปยังต่างประเทศ เมื่อครั้งที่ไทยเราเป็นเจ้าภาพการประชุมเอเปค กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มาเมืองไทย และเข้าถวายสักการะ สมเด็จพระสังฆราชและเยี่ยมชมวัดราชบพิธ เราเชิญพระไตรปิฎกฉบับพิมพ์สมัยรัชกาลที่ 5 มาให้ดู นี่คือเกียรติภูมิของประเทศไทย ด้านศาสนาเมื่อ พ.ศ. 2436” ถัดมาในสมัยรัชกาลที่ 7 ระหว่างปี พ.ศ. 2468-2470 ทรงมีพระราชดำริว่า หนังสือที่พิมพ์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ยังไม่ครบ ยังขาดจำนวนอยู่ ต้องพิมพ์ใหม่และพิมพ์ให้ครบ จึงมีการตีพิมพ์เป็นภาษาบาลี ตัวอักษรไทย โดยแจกไปยังประเทศต่างๆ จึงเป็นหนึ่งในพระราชกรณียกิจที่สำคัญด้านศาสนา..... ...................... 1 • *นายกรัฐมนตรีไทยมอบพระไตรปิฏก ฉบับสัชฌายะ ... 2 • *นายกรัฐมนตรีไทยมอบพระไตรปิฏก ฉบับสัชฌายะ ... 3 • *นายกรัฐมนตรีไทยมอบพระไตรปิฏก ฉบับสัชฌายะ ... 4 • *นายกรัฐมนตรีไทยมอบพระไตรปิฏก ฉบับสัชฌายะ ...