Русские видео

Сейчас в тренде

Иностранные видео


Скачать с ютуб ถอดบทเรียน ความเป็นผู้นำ - ตอน “หย่งเล่อ จักรพรรดิผู้มองกาลไกล“ в хорошем качестве

ถอดบทเรียน ความเป็นผู้นำ - ตอน “หย่งเล่อ จักรพรรดิผู้มองกาลไกล“ 1 год назад


Если кнопки скачивания не загрузились НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru



ถอดบทเรียน ความเป็นผู้นำ - ตอน “หย่งเล่อ จักรพรรดิผู้มองกาลไกล“

ถอดบทเรียน ความเป็นผู้นำ - ตอน “หย่งเล่อ จักรพรรดิผู้มองกาลไกล“ : ก่อนขึ้นครองราชย์ จักรพรรดิหย่งเล่อ เดิมทีเขาชื่อ เจ้าชายจูตี้เป็นพระราชโอรสองค์ที่ 4 ของจูหยวนจาง หรือองค์จักรพรรดิหมิงไท่จู ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง เจ้าชายจูตี้ได้รับการศึกษาและอบรมเลี้ยงดูอย่างสมฐานะเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเป็นฮ่องเต้ เมื่อเจ้าชายจูตี้ได้ขึ้นครองราชและมีพระนามว่า "หมิงเฉิงจู่" หรือ "หย่งเล่อ" (永 乐) ตามที่คุ้นหู เป็นจักรพรรดิองค์ที่ 3 แห่งราชวงศ์หมิง โดยพระองค์มีภารกิจที่สำคัญหลายๆ ภารกิจ : สั่งประหาร 870 ขุนนาง จักรพรรดิหย่งเล่อได้มีราชโองการสั่งประหารขุนนาง เนื่องจากทรงระแวงว่าขุนนางเหล่านั้น จะจงรักภักดีต่อพระนัดดาของพระองค์ ซึ่งมีจำนวนกว่า 870 คน นอกจากนี้ยังดำเนินนโยบายลดทอนอำนาจเจ้าองค์อื่นๆ อย่างเข้มงวด เช่น ห้ามมีกองทหารประจำเมืองให้มีได้แต่ทหารรักษาพระองค์จำนวนหนึ่ง ห้ามเจ้าแต่ละเมืองติดต่อกันเองโดยไม่ได้รับพระราชานุญาต : ย้ายเมืองหลวงสร้างพระราชวังต้องห้าม พระองค์ทำคือดำริย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เป่ยผิงอันเป็นฐานที่มั่นของพระองค์ด้วยเหตุผลว่า ป้องกันการรุกรานของชนกลุ่มน้อยทางเหนือ โดยอพยพคนมากมายหลายแสนคนจาก เมืองนานกิง มณฑลซานซี และมณฑลเจ้อเจียง แบ่งเป็น 5 สายเข้ามายังปักกิ่ง พร้อมกับเป็นการหาแรงงานเพื่อสร้างพระราชวังที่ประทับของจักรพรรดิในเมืองหลวง ซึ่งก็คือ "พระราชวังต้องห้าม" ในการนี้ต้องเกณฑ์คนหนึ่งแสนพร้อมกับช่างฝีมืออีกหลายพันคน การก่อสร้างพระราชวังต้องห้ามนี้กินระยะเวลานานถึง 15 ปี พระองค์ให้ความสำคัญกับการก่อสร้างพระราชวังต้องห้ามแห่งนี้เป็นอย่างมากโดยได้เสด็จมาตรวจตราการก่อสร้างด้วยพระองค์เอง ในปี ค.ศ. 1413 พระองค์จึงทรงย้ายจากกรุงนานกิงมาประทับที่กรุงปักกิ่ง เป็นการถาวร แต่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่ยินดีกับพระราชวังแห่งนี้เท่าใดนัก เพราะเพียงไม่กี่เดือนหลังเฉลิมพระมณเฑียรก็มีฟ้าผ่าลงพระที่นั่งและเกิดเพลิงไหม้อาคารต่างๆ หลายหลัง ซ้ำยังเกิดแผ่นดินไหวในปี จนต้องซ่อมแซมกว่าจะสำเร็จก็นานถึง 4 ปี แต่พระองค์กลับมีโอกาสได้ประทับอยู่ในพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนี้ไม่เกิน 4 ปี เพราะต้องนำทัพออกไปรบกับพวกมองโกลถึง 4 ครั้ง : จัดทำสารานุกรมหย่งเล่อ พระองค์มีราชโองการโปรดให้ราชบัณฑิตกว่าสองพันคน พร้อมด้วยผู้อำนวยการใหญ่ 5 คน รองผู้อำนวยการอีก 20 คน จัดทำ “หย่งเล่อต้าเตี่ยน” สารานุกรมรวบรวมความรู้ทางวิชาการสาขาต่างๆ ทั้งหมด ใช้เวลาจัดทำถึง 4 ปีเต็ม เป็นหนังสือกว่า 22,937 หมวด มหาสารานุกรมชุดนี้มีต้นฉบับ 1 ชุดและสำเนาอีก 2 ชุดเก็บรักษาไว้แต่หายสาบสูญไปจนปัจจุบันเหลือเพียง 370 บรรพ (หมวด) เท่านั้น : ส่งกองเรือสำรวจโลก พระองค์รับสั่งให้สร้างกองเรือมหาสมบัติที่ชื่อว่า “เป่าฉวน” ซึ่งมีความยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกตอนนั้น แต่ละครั้งที่เดินทางก็จะมีเรือไม่เท่ากัน เฉลี่ยแล้ว 200 กว่าลำ แต่ละลำประกอบด้วย ทหาร แพทย์ ล่าม โดยมีผู้บัญชาการกองเรือคือ "เจิ้งเหอ" ขันทีคนสนิทของหย่งเล่อ เขาได้เดินทางล่องทะเลไปทั่วโลกถึง 7 ครั้ง โดยไปได้ไกลถึงแอฟริกาตะวันออก ระหว่างนั้นก็ได้นำสินค้าไปค้าขายแลกเปลี่ยนกับอาณาจักรต่างๆ รวมทั้งกรุงศรีอยุธยาด้วย วัตถุประสงค์ของการส่งกองเรือสำรวจโลกครั้งนี้ เพื่อการค้าและผูกมิตรไมตรีเป็นหลัก ดังนั้นจึงไม่มีดินแดนไหนถูกยึดครองเป็นอาณานิคม เพียงแต่อาจจะมีการปะทะกันบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่มีอาณาจักรไหนกล้าต่อต้านกองเรือของเจิ้งเหอเลย เพราะมีจำนวนมากเกิน 200 ลำ พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ครบอัตรา ฉะนั้นเมื่อใครเห็นก็มักจะไม่กล้าสู้แต่จะขอผูกมิตรแทน ซึ่งก็ป็นผลดีมากเลยทีเดียว ภารกิจนี้ถือว่าเป็นภารกิจยิ่งใหญ่ หย่งเล่อมองว่าการส่งกองเรือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อีกทั้งได้ทำความรู้จักและผูกมิตรไมตรีกับอาณาจักรอื่นๆ อีกด้วย ในสมัยหย่งเล่อฮ่องเต้ได้รับการยอมรับโดยนักประวัติศาสตร์และนักวิจัยจากทางตะวันตกว่าเป็นอาณาจักรที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก เพราะตอนนั้นในยุคสมัยศตวรรษที่ 13 มีแค่จีนกับอียิปต์เท่านั้นที่มีอู่ต่อเรือและเดินเรือสำรวจ ส่วนพวกยุโรปยังเชื่อว่าโลกแบนอยู่เลย : ถอดบทเรียน วิสัยทัศน์ จักรพรรดิหย่งเล่อ เป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และมองกาลไกล สิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าเขามีภาวะผู้นำในเรื่องวิสัยทัศน์คือ การสั่งจัดทำ “สารานุกรมหย่งเล่อ” ที่รวบรวมองค์ความรู้สาขาวิชาการต่างๆ ของแผ่นดินเอาไว้ และนี่เปรียบได้กับรากฐานความรู้ของชาติ . เด็ดขาด จักรพรรดิหย่งเล่อ แสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดด้วยการสั่งประหาร 870 ขุนนาง ที่มีความจงรักภักดีต่อพระราชนัดดาของพระองค์ เรื่องนี้ถึงแม้จะดูโหดเหี้ยมและโหดร้าย หากแต่ว่าถ้าเรามองในบริบทในสถานการณ์ขณะนั้น หากพระองค์ไม่ตัดสินใจสั่งประหาร 870 ขุนนาง นั่นอาจจะหมายถึงการสั่นคลอนพระราชอำนาจของพระองค์ในอนาคตได้ . พร้อมพัฒนาและเปลี่ยนแปลง นอกจากจักรพรรดิหย่งเล่อ จะมีวิสัยทัศน์ และเด็ดขาดแล้ว สิ่งนึงที่สะท้อนภาวะผู้นำของพระองค์ได้ชัดนั่นคือ เป็นผู้นำที่ “พร้อมพัฒนาและเปลี่ยนแปลง” 2 เรื่องที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนที่สุดคือ • การย้ายเมืองหลวงเพื่อสร้างพระราชวังต้องห้าม เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เพราะต้องใช้พระราชทรัพย์และแรงงานมหาศาล แต่พระองค์ก็ตัดสินใจทำ เพราะให้เหตุผลว่า การย้ายพระราชวังและราชธานีครั้งนี้เพื่อป้องกันการรุกรานของชนกลุ่มน้อยทางเหนือ แม้ว่าเราอาจจะไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงได้ และแม้การย้ายราชธานีอาจจะไม่สามารถปกป้องการรุกรานได้จริงๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าพระองค์กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง • ส่งกองเรือสำรวจโลก นี่คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า จักรพรรดิหย่งเล่อพร้อมจะเปลี่ยนแปลงประเทศของพระองค์อย่างแท้จริง เพราะพระองค์ไม่ได้ส่งกองเรือไปแค่ 1 ครั้ง แต่ส่งกองเรือไปถึง 7 ครั้ง และทุกครั้งได้ทั้งองค์ความรู้ การแลกเปลี่ยนสิ่งของ การทำการค้าขาย : ภาวะผู้นำทั้ง 3 ข้อที่ได้ถอดบทเรียนออกมาก็ต้องบอกเลยว่า จักรพรรดิหย่งเล่อคือ ผู้นำที่มองกาลไกลและมีวิสัยทัศน์จริงๆ

Comments