'ศิริกัญญา' จี้ รัฐแก้วิกฤตเศรษฐกิจ ตั้งรับ 'กำแพงภาษีสหรัฐ' скачать в хорошем качестве

'ศิริกัญญา' จี้ รัฐแก้วิกฤตเศรษฐกิจ ตั้งรับ 'กำแพงภาษีสหรัฐ'

9 เม.ย. 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ ครั้งที่ 30 มีพิจารณาญัตติด่วนหามาตรการรองรับกรณีสหรัฐอเมริกาขึ้นภาษี ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อจากพรรคประชาชน ร่วมอภิปรายญัตตินี้ว่า การขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยและโลกอย่างลึกซึ้ง และกว้างและยาว เพราะเป็นการขึ้นกำแพงภาษีที่สูงที่สุดในรอบร้อยปี และรุนแรงกว่าช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) การตอบโต้การค้าไปมาจนเกิดผลกระทบวงกว้างทั่วโลกจะกระทบกับประเทศไทย และจากการเข้าไปเป็นห่วงโซ่อุปทานของโลกและของจีนที่กำลังจะเจอกำแพงภาษีจากสหรัฐฯ สูงที่สุด 104% ที่จะเริ่มในวันพรุ่งนี้ . ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ผลกระทบระลอกต่อมาเมื่อไม่มีตลาดใหญ่อย่างสหรัฐ จะเกิดการแข่งขันสูงขึ้นโดยการตัดราคาและแสวงหาตลาดใหม่ และสินค้าราคาถูกจะไหลเข้าไทยมาในฐานะเป็นตลาดใหม่ เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวอย่างรุนแรง ไทยจะส่งออกได้น้อยลงและนักท่องเที่ยวก็จะน้อยลงและกำลังซื้อในไทยก็จะแย่ลง ผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้จะทั้งกว้างและยาว เพราะไทยจะอยู่ในระเบียบโลกใหม่ที่สหรัฐฯ สร้างขึ้นมาไปอีกซักระยะและไม่รู้ว่าสงครามการค้านี้จะยาวนานแค่ไหน การเจรจาที่จะเริ่มต้นในอีกเดือนหรือสองเดือนข้างหน้าก็ยังไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ เพราะสหรัฐฯ ก็บอกว่ามีประเทศที่ต่อคิวเข้าเจรจาถึง 70 ประเทศ เพื่อขอลดกำแพงภาษี . ศิริกัญญา กล่าวถึงมาตรการของรัฐบาล 5 ด้าน 1. หาโอกาสนำเข้าพืชผลทางการเกษตรซึ่งก็คือข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2.การผ่อนคลายการนำเข้าสินค้าโดยการลดภาษีเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค ถือเป็นปกติที่ต้องทำ ไม่น่าส่งผลอะไรกับการลดการเกินดุลกับสหรัฐฯ 3.มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีหลายตัวที่เป็นการบล็อกสินค้าบางตัวไม่ให้นำเข้า ในส่วนนั้นมีอะไรที่ต้องเปิดตลาดเพิ่มหรือไม่ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ เป็นต้นหรือเอสเทอร์นอล 4.การตรวจสอบคัดกรองสินค้าเพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงภาษี 5.หาโอกาสการลงทุนของสหรัฐฯ ซึ่งหลายประเทศเห็นตรงกันคือการเข้าไปร่วมลงทุนในท่อก๊าซธรรมชาติในอลาสก้า . "มาตรการทั้ง 5 อันนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าน่าอัศจรรย์พอในสายตาโดนัลด์ ทรัมป์อย่างที่ศุภวุฒิกล่าวไว้ และแต้มต่อที่ไทยมีจากการเป็นมิตรประเทศกับสหรัฐฯ ก็หายไปทุกวันและกำลังทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นศัตรู ทั้งจากการส่งอุยกูร์กลับไปจีน การใช้มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ดำเนินคดีกับกับพอล แชมเบอร์ นักวิชาการชาวสหรัฐฯ แล้วยังจะไม่ให้ประกันตัวด้วย" . ศิริกัญญา เสนอว่า รัฐบาลจะต้องเยียวยา พยุงและกระตุ้นฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ เพราะการค้าการส่งออกที่จะหดตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ หากการเจรจายิ่งกินเวลาต่อเนื่องยาวนานก็ยิ่งกระทบกับปากท้องของประชาชนในไทยมากขึ้นเท่านั้น ภาคเอกชนที่เติบโตต่ำและหดตัวมาก่อนหน้านี้จะยิ่งชะงักมากขึ้น สุดท้ายก็จะกระทบกับรายได้ของประชาชน . อย่างไรก็ตามสถานการณ์การคลังและงบประมาณของประเทศเหลืออยู่น้อยมาก หนี้สาธารณะกำลังชนเพดาน ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้เกินกรอบกฎหมายไปแล้ว เหลือพื้นที่ที่จะกู้เพิ่มได้อีกในปีงบประมาณ 68 เหลืออยู่ราว 4-5 แสนล้านบาทเท่านั้น หากรัฐบาลตัดสินใจจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐฏิจและฟื้นฟูเศรษฐกิจครั้งใหญ่โดยการขยายเพดานหนี้สาธารณะก็สมเหตุสมผลแต่ต้องไม่ใช่การกู้มาเพื่อแจกเงินสะเปะสะปะอย่างที่ผ่านมา . ศิริกัญญา กล่าวว่า สส.ในสภาก็พร้อมสนับสนุนถ้ารัฐบาล หากมีแผนชัดเจนว่าจะใช้งบประมาณเพื่อพยุงเศรษฐกิจไม่ให้เลวร้ายไปกว่านี้และฟื้นฟูประเทศก็กู้ได้เลย ข้อเสนอสุดท้าย ตนคิดว่าควรจะต้องนำเข้าคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และศึกษาแนวทางการเจรจา ในการพูดคุยกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อพูดคุยตกลงถึงมาตรการที่จะบรรเทาผลกระทบจากการขึ้นภาษีของสหรัฐ . อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : Prachatai . #ประชุมสภา #ทรัมป์ #ขึ้นภาษี #การเมือง #ประชาไท #prachatai