У нас вы можете посмотреть бесплатно ชาวเน็ตเดือด เปิดแคมเปญล่าชื่อ หลัง "งบสาธารณสุข" ถูกตัดมากกว่า "งบกลาโหม" или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
ชาวเน็ตเดือด “กลุ่มแคร์” เปิดแคมเปญล่าชื่อ หลังงบสาธารณสุข ถูกตัดมากกว่า งบกลาโหม “ลดงบกลาโหม เปลี่ยนอาวุธสงคราม เป็นอาวุธป้องกันเชื้อโรค” เฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ชวนร่วมลงชื่อผ่านเว็บไซต์ change.org เพื่อส่งเสียงให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ ในพ.ร.บ.งบประมาณ 2565 วงเงินกว่า 3,100,000 ล้านบาท ให้เหมาะสมกับสถานการณ์วิกฤต “ลดงบกลาโหม เปลี่ยนอาวุธสงคราม เป็นอาวุธป้องกันเชื้อโรค” โดยมีรายละเอียดดังนี้ ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ประเทศไทยกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราจำเป็นต้องทุ่มงบประมาณเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้เร็วที่สุด เพราะคนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุด คือ พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคน แต่กลับพบการจัดสรรงบประมาณในหลายด้าน ไม่เหมาะสมกับวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น 1. ตัดงบสาธารณสุขมากกว่างบกองทัพ ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วงเงิน 3,100,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 31 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน สรุปภาพรวมของงบปี 2565 ลดลงจากปี 2564 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจซบเซาด้วยพิษโควิด-19 ทำให้ทุกกระทรวงถูกตัดงบ แต่จะลดอะไรบ้างนั้น เป็นเรื่องที่รัฐต้องจัดลำดับความสำคัญ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กระทรวงกลาโหม กลับได้รับการจัดสรรงบกว่า 203,282 ล้านบาท มากกว่ากระทรวงสาธารณสุข (ที่ได้รับงบประมาณจำนวน 153,940.5 ล้านบาท) ถึง 49,341.5 ล้านบาท 2. ไม่ให้ความสำคัญกับการจัดการสถานการณ์โควิด-19 ความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไขในตอนนี้คือ การปกป้องชีวิตของประชาชนคนไทยจากโรคระบาด งบประมาณควรถูกจัดสรรให้กับกระทรวงที่ต้องแก้ไขปัญหานี้ อย่างกระทรวงสาธารณสุขไม่ใช่หรือ? แต่จากข้อมูลระบุงบของกรมควบคุมโรค และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถูกปรับลดลงไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2564 และน้อยกว่าปี 2562 ที่ยังไม่มีโควิด-19 ส่วนงบบัตรทอง ก็ถูกตัดลดลง 1,815 ล้านบาท จากปี 2564 3. ไม่ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูประเทศหลังโควิด-19 ถ้าพิจารณางบประมาณปี 2565 จำแนกตามแผนยุทธศาสตร์ พบว่ายุทธศาสตร์ความมั่นคง ได้รับงบประมาณกว่า 387,909 ล้านบาท มากกว่ายุทธศาสตร์การสร้างความสามารถความแข่งขัน (หรืองบเร่งด่วนฟื้นฟูเศรษฐกิจ) ที่ได้รับงบประมาณเพียง 338,547 ล้านบาท ทั้งที่หากในปีหน้าสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ยุคหลังโควิดควรจะเป็นการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศให้ดีขึ้น มากกว่าการทุ่มงบประมาณไปกับกองทัพ 4. แถมเลือกตัดงบกระทรวงศึกษา นอกจากนี้รัฐบาลได้ตัดงบประมาณกระทรวงศึกษาธิการลงถึง 24,051 ล้านบาท หรือ 6.75% ทั้งที่การศึกษาเป็นเรื่องจำเป็น ที่จะต้องพัฒนาเด็กและเยาวชนของชาติ ให้มีความรู้ความสามารถมากขึ้น เพื่อแข่งขันกับประเทศอื่นในอนาคต สรุปง่ายๆ คือ งบที่ควรเพิ่มกลับถูกลด งบที่ควรถูกลดกลับยังอยู่ – ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ดูเหมือนว่ารัฐบาลนี้จะไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญ ในการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาประเทศ และแก้ไขสถานการณ์วิกฤตในขณะนี้ ให้เหมาะสมได้เลย กลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทย ร่วมติดตามการอภิปรายในสภา และขอเชิญทุกคนที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดสรรงบประมาณ ที่ขาดการจัดลำดับความสำคัญ ร่วมลงชื่อในแคมเปญ “#ลดงบกลาโหม เปลี่ยนอาวุธสงคราม เป็นอาวุธป้องกันเชื้อโรค” เพื่อให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์วิกฤต เพราะแท้จริงแล้ว ‘ความมั่นคง’ของชาติ ไม่ใช่ความเกรียงไกรของกองทัพ แต่คือชีวิตและปากท้องของประชาชน ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก ข่าวสด https://www.khaosod.co.th/special-sto... #เรื่องเล่าข่าวเด็ด #สาธารณสุข #อภิปราย เรื่องเล่า ข่าวเด็ด