У нас вы можете посмотреть бесплатно "กัญชา" ใช้ผิด ชีวิตเปลี่ยน - เคลียร์ชัดกับเภสัชกรร้านยากรุงเทพ или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
ในช่วงหลายวันมานี้ทุกคนคงได้ยินข่าวเกี่ยวกับกัญชามาอยู่หลายๆข่าว เช่น มีประวัติการเสพกัญชาและเสียชีวิตด้วยหัวใจล้มเหลว, รับประทาน Overdose จนต้องเข้า ICU และใส่ท่อช่วยหายใจ หรือจะเป็นกรณีที่รับประทานก๋วยเตี๋ยวที่ผสมกัญชาแล้วมีอาการแพ้ โดยเกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ใจสั่น วันนี้เราจะมาเคลียร์ชัดกันว่า อาการดังกล่าวสามารถเกิดจากกัญชาได้จริงหรือไม่ และหากเกิดขึ้นต้องทำอย่างไร หรือกรณีที่อยากลองกินกัญชาต้องทำอย่างไรถึงจะปลอดภัย จากอาการที่เป็นข่าวส่วนใหญ่ต้องบอกว่าเป็นไปได้ว่าผู้ป่วยเหล่านั้นน่าจะได้รับผลข้างเคียงจากการใช้กัญชา แต่ไม่ใช่อาการแพ้ อาการแพ้คือจะมีผื่นขึ้น มีผิวหนังพุพอง หรือผิวหนังลอกเป็นต้น ส่วนสำหรับอาการข้างเคียงของกัญชานั้นมีอยู่หลายอาการ จะหนักเบาแล้วแต่ว่าแต่ละคนจะตอบสนองอย่างไร บางคนกินนิดเดียวก็เกิดอาการ บางคนต้องกินเป็นจำนวนมากถึงจะเกิดอาการ โดยผลข้างเคียงที่พบได้ก็จะมีดังนี้ • อ่อนเพลีย ง่วงนอน ปวดหัว เวียนหัว คลื่นไส้อาเจียน • ปวดท้อง ท้องเสีย • ปากแห้ง คอแห้ง ใจสั่น • มีอาการเคลิบเคลิ้ม มึนเมา ตาเบลอ • อาการที่รุนแรงคือ หัวใจเต้นเร็ว ความดันตก ซึ่งอาจนำมาซึ่งภาวะหัวใจล้มเหลวตามมาได้ โดยอาการที่กล่าวมาจะเกิดจากสารที่มีชื่อว่า THC ซึ่งเป็นสารตัวหลักในกัญชาที่ทำให้คนที่ทานหรือเสพได้รับผลข้างเคียงจากมัน โดยหากมีอาการที่ไม่รุนแรงแนะนำให้ดื่มน้ำตามเยอะๆทานยาตามอาการ และนอนพักผ่อน แต่หากมีอาการรุนแรงให้รีบไปโรงพยาบาลทันที ทานกัญชาอย่างไรให้ปลอดภัย? การทานแนะนำให้ทานเฉลี่ยแล้วไม่เกิน 5-8 ใบ/วัน หรือหากไม่เคยทานให้ลองปริมาณน้อยๆเพื่อให้แน่ใจว่าเราทานแล้วจะปลอดภัย และไม่ควรใช้สารสกัด หรือน้ำมันกัญชา เพื่อมาใช้รักษาอาการต่างๆ หากไม่มีคำสั่งแพทย์ ผู้ป่วยกลุ่มโรคใดบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคกัญชา? 1.เด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 25 ปี 2.ผู้หญิงตั้งครรภ์และผู้หญิงให้นมบุตร 3.คนที่มีปัญหาตับไตบกพร่อง 4. ผู้ป่วยที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดวาร์ฟาริน 5.ผู้ป่วยใช้ยาที่มีผลต่อระบบประสาท 6.ผู้ที่มีโรคทางหัวใจและหลอดเลือด