У нас вы можете посмотреть бесплатно AP Law 105 บันดาลโทสะ คืออะไร или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
                        Если кнопки скачивания не
                            загрузились
                            НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
                        
                        Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
                        страницы. 
                        Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
                    
AP Law 105 บันดาลโทสะ คืออะไร การกระทำโดยบันดาลโทสะ คือการที่ผู้กระทำความผิดได้ลงมือกระทำความผิดด้วยอารมณ์โกรธ ซึ่งจะมีหลักเกณฑ์ทางกฎหมายในกรณีดังต่อไปนี้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 ระบุว่า “ผู้ใดบันดาลโทสะโดยถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จึงกระทำความผิดต่อผู้ข่มเหงในขณะนั้น ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้” องค์ประกอบของการบันดาลโทสะประการแรกคือ จะต้องมีการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ซึ่งศาลจะต้องพิจารณาเปรียบเทียบกับความรู้สึกของคนธรรมดาที่อยู่ในภาวะหรือพฤติการณ์นั้น โดยการข่มเหงสามารถทำได้หลายทาง ทั้งกิริยาอาการต่างๆ และคำพูด ในกรณีใช้คำพูดนั้น จะต้องมีลักษณะเป็นการเหยียดหยาม หากเป็นเพียงการพูดไม่สุภาพ หยาบคาย ก้าวร้าว ย่อมไม่ถือเป็นการถูกข่มเหงตามกฎหมาย และเหตุอันไม่เป็นธรรมไม่จำต้องเป็นละเมิดกฎหมาย โดยตัวอย่างของการข่มเหงอันร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เช่น เจ้าพนักงานถูกท้าทายอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย, กระทำต่อเจ้าพนักงานที่ออกคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายและใช้กำลังแก่จำเลย, เอาเท้าพาดหัวจำเลยแล้วลูบ, ด่าจำเลยว่า “ไอ้ลูกกะหรี่”, ข่มขู่รีดไถเงินแล้วขู่ฆ่า, กระทำชำเราภริยาที่มิได้จดทะเบียนสมรสของผู้อื่น, เห็นคู่สมรสของตนอยู่กับผู้อื่นในลักษณะชู้สาว แต่กรณีที่ไม่ถือว่าเป็นการข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม เช่น การใช้อำนาจชอบธรรมตามหน้าที่หรือกฎหมาย, ผู้เสียหายด่าจำเลยจนจำเลยโกรธและกระทำต่อผู้เสียหายเพราะจำเลยเป็นฝ่ายกระทำผิดต่อผู้เสียหายก่อน, พูดจาเสียดสีหรือหยอกล้อ, สมัครใจวิวาทหรือก่อเหตุขึ้นก่อน ในส่วนของเหตุอันไม่เป็นธรรมนั้น อาจเกิดต่อหน้าหรือลับหลังผู้ถูกข่มเหงก็ได้ องค์ประกอบประการที่สอง คือจะต้องกระทำต่อผู้ข่มเหง หรือกระทำต่อผู้ที่พัวพันอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุเสมือนสนับสนุนผู้ข่มเหง กรณีเป็นการกระทำโดยพลาดจนผลการกระทำความผิดไปเกิดกับบุคคลอื่นนั้น ก็สามารถอ้างบันดาลโทสะได้เช่นกัน หากเป็นการกระทำต่อบุคคลอื่นจะไม่อาจอ้างบันดาลโทสะได้ องค์ประกอบประการที่สาม คือจะต้องกระทำต่อผู้ที่ข่มเหงตนในขณะนั้น กล่าวคือเป็นการกระทำในขณะที่ตนถูกข่มเหงและบันดาลโทสะอยู่ และรวมถึงระยะเวลาต่อเนื่องกระชั้นชิดในขณะที่โทสะยังรุนแรงอยู่ หากถูกข่มเหงแล้วไม่ได้แสดงอาการบันดาลโทสะขึ้นมาและกระทำต่อผู้ข่มเหงในทันที จะอ้างว่าเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะไม่ได้ โดยบุคคลที่สามารถอ้างเหตุบันดาลโทสะได้ คือผู้ถูกข่มเหง หรือบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดทางเครือญาติกับผู้ถูกกระทำ เช่น เป็นบิดา มารดา พี่น้อง บุตร หรือคู่สมรสของผู้ถูกกระทำ ในกรณีของสามีภริยานั้นไม่จำต้องเป็นสามีภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ในส่วนของญาตินั้นจะไม่รวมถึงลูกพี่ลูกน้องเพราะไม่ถือว่าเป็นญาติใกล้ชิด โดยการป้องกันกับการบันดาลโทสะนั้น ไม่อาจเกิดพร้อมกันได้ ซึ่งจะเป็นกรณีใดนั้น ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง ผลของการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะนั้น คือศาลจะลงโทษน้อยกว่ากฎหมายกำหนดเพียงใดก็ได้ เนื้อหาโดย กิตตินันท์ จารุกิจไพศาล นบ.ธรรมศาสตร์ ทนายความ