У нас вы можете посмотреть бесплатно น่าห่วง! สธ.เผย 'ผู้ป่วยจิตเวช' มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ดันยาจิตเวชเพิ่มในบัญชียาหลัก или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
วันที่ 25 ก.ย.65 พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากรายงานศูนย์ข้อมูลสุขภาพ สธ. พบว่า จำนวนผู้ป่วยจิตเวชมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อาทิ ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้นจาก 30,247 คน ในปี 2562 เป็น 33,891 คน ในปี 2564 ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มเดียวกันกับสถานการณ์ทั่วโลก โดยส่วนหนึ่งเกิดจากวิกฤตการระบาดของไวรัสโควิด-19 พญ.อัมพร กล่าวว่า ในส่วนของประเทศไทยนั้น สธ.ได้ทำงานเชิงรุกสร้างเครือข่ายเพื่อการคัดกรองค้นหากลุ่มเสี่ยงและผู้ป่วยทางจิตเวชเพิ่มขึ้น เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงบริการ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีข้อห่วงใยจากหลายภาคส่วนถึงความพร้อมด้านการตรวจรักษา ที่ยังจำเป็นต้องเร่งขยายศักยภาพและเพิ่มพูนคุณภาพมากขึ้น ไม่เพียงเฉพาะการเปิดบริการหอผู้ป่วยจิตเวชเพิ่มเติมในโรงพยาบาล 30 แห่งทั่วประเทศ เพื่อรองรับการรักษาและส่งต่อร่วมกับโรงพยาบาลทางจิตเวชที่มีอยู่ 20 แห่ง ยังได้มีการประสานงานร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อผลักดันยาจิตเวชที่จำเป็นเข้าสู่บัญชียาหลักเพิ่มเติม รวมทั้งพิจารณาหลักประกันสุขภาพให้ครอบคลุมถึงการรักษาที่ทันสมัย ทั้งที่หน่วยรักษาพยาบาลและในชุมชนด้วย พญ.อัมพร กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน ประเทศไทยมีจิตแพทย์ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลสังกัด สธ.จำนวน 325 คน ส่วนบุคลากรด้านสุขภาพจิตสาขาอื่น ๆ เช่น พยาบาลจิตเวช นักจิตวิทยา ในโรงพยาบาลสังกัด สธ. มีถึง 2,838 คน ถือเป็นสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับประเทศในแถบเอเชียด้วยกัน มีการเร่งฝึกอบรมเพิ่มขึ้นในแต่ละปีสำหรับแพทย์ทั่วไปในประเทศ และได้รับการฝึกอบรมด้านจิตเวชด้วยจำนวนชั่วโมงที่มากกว่าประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ บุคลากรสาธารณสุขเหล่านี้ให้การดูแลผู้ป่วยทั้งในโรงพยาบาล และทำงานเชิงรุกเพื่อส่งเสริมป้องกันปัญหาสุขภาพจิตร่วมกับเครือข่ายอื่น ๆ นอกระบบสุขภาพ ทั้งในโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย สถานประกอบกิจการ สถานสงเคราะห์ สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก เรือนจำ ฯลฯ ช่วยให้ค้นหาผู้ป่วยพบในระยะแรกเริ่ม และผลการรักษาดีกว่าการรอรับรักษาในโรงพยาบาลเพียงอย่างเดียว นอกเหนือจากบริการทางการแพทย์และยา ครอบครัวและคนใกล้ชิดเป็นกลุ่มคนสำคัญที่จะช่วยสังเกตอาการและช่วยเหลือเบื้องต้นได้ โดยสามารถใช้หลักการ 3 ส. สอดส่องมองหา ใส่ใจรับฟัง และส่งต่อเชื่อมโยง "การใส่ใจรับฟัง เติมพลังใจจากคนในครอบครัว จะเป็นพลังสำคัญในการช่วยผู้ป่วยจิตเวชให้หายทุเลา และกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างบุคคลอื่นทั่วไปได้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่สุด คือ การป้องกันและใส่ใจดูแลกันและกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตหรือเจ็บป่วยเป็นโรคทางจิตเวชในภาพรวมระบบบริการสุขภาพจิตของประเทศไทยถือว่า มีความก้าวหน้าเมื่อเทียบกับประเทศในภูมิภาคเดียวกัน และเป็นต้นแบบที่ได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติในหลายประเด็นทั้งเรื่องสุขภาพจิตโรงเรียน สุขภาพจิตชุมชน และการฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญ ขอให้ประชาชนมั่นใจในบริการสุขภาพจิตของประเทศไทย และร่วมแรงร่วมใจกันในการสังเกตอาการ ดูแลจิตใจคนใกล้ตัวและในครอบครัว หากพบปัญหาต้องการเข้ารับการรักษา สามารถติดต่อได้ที่แอพพลิเคชั่น Smile Connect หรือสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง" พญ.อัมพร กล่าว อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : https://ch3plus.com/news/social/morni... ------------------------- #เรื่องเล่าเช้านี้ (Morning News) วันที่ 26 กันยายน 2565 ติดตามความเคลื่อนไหวข่าวสารก่อนใครได้ที่นี่ ch3plus : https://ch3plus.com/news/programs/mor... facebook : / morningnewstv3 Twitter : / morningnewstv3 YouTube : https://cutt.ly/MorningnewsTV3 #3PlusNews #Ch3Plus #ข่าวช่อง3