# 9 วิทยาศาสตร์สมัยอเล็กซานเดรีย (The Science of Alexandria) скачать в хорошем качестве

# 9 วิทยาศาสตร์สมัยอเล็กซานเดรีย (The Science of Alexandria)

History and evoluation of science. 1.3 วิทยาศาสตร์สมัยอเล็กซานเดรีย (The Science of Alexandria) พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ : จักรพรรดิผู้ก่อตั้งเมืองอเล็กซานเดรีย เมื่อ 334 ปีก่อนคริสต์ศักราช พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ (มิถุนายน 356 - 13 มิถุนายน323 ปีก่อนคริสต์ศักราช) โอรสของพระเจ้าฟิลิปที่ 2 กับพระนางโอลิมเปียส แห่งแคว้น มาซีโดเนีย (Macedonia) ทรงนำกองทัพเดินทางเข้าสู่เอเซียไมเนอร์ทำสงครามปลดปล่อยหัวเมืองกรีกต่าง ๆ ให้เป็นอิสระพ้นจากการยึดครองของเปอร์เซียร์ ทรงยกกองทัพผ่านซีเรีย ฟินิเซีย ข้ามคอคอดสุเอชเข้าไปในอียิปต์และยึดครองดินแดน อาณาจักรของพระองค์แผ่ขยายไปทางตะวันออกจนถึงลุ่มแม่น้ำสินธุ พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ทรงจัดตั้งนครในดินแดนที่พระองค์เข้าพิชิต และให้ชาวกรีกเข้าไปตั้งรกรากเพื่อให้ชุมชน ดังกล่าวเป็นชุมชนศูนย์การค้า นครเหล่านี้ได้รับการขนานนามว่า อเล็กซานเดรีย(Alexandria) แต่นครที่เป็นศูนย์กลางและยิ่งใหญ่ที่สุด คือ นครอเล็กซานเดรีย ในอียิปต์ ซึ่งอยู่บริเวณปากแม่น้ำไนล์ นครแห่งนี้มีความเจริญรุ่งเรืองก้าวล้ำหน้ากว่าบรรดานครของกรีกเอง จนกลายเป็นศูนย์กลางการพาณิชย์และ วิทยาการต่าง ๆ หอสมุดอเล็กซานเดรีย มหาวิทยาลัยของโลกสมัยโบราณ หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชในปี 323 ปีก่อนคริสต์ศักราช นายพล โทเลอมี (Ptolemy) ได้สถาปนาราชวงศ์โทเลอมีขึ้น ต่อมา พระเจ้าโทเลอมีที่ 1(Ptolemy I Soter) ทรงรวบรวมบรรดานักปราชญ์ นักวรรณคดี จากส่วนต่าง ๆ ของกรีกไว้มากมาย และได้ทรงจัดตั้งหอสมุดอเล็กซานเดรียขึ้น ต่อมาหอสมุดแห่งนี้ก็มีม้วนกระดาษพาไพรัส ซึ่งจารึกเรื่องราวความรู้ต่าง ๆ ถึง 700,000 ม้วน นับว่านครอเล็กซานเดรียเป็นศูนย์กลางความเจริญทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกในสมัยนั้น ชาวกรีก บาบิโลเนียน ยิว และ โรมันได้เดินทางมายังที่แห่งนี้เพื่อศึกษาความรู้ศิลปะวิทยาการต่าง ๆ ได้แก่ เรขาคณิต พีชคณิต ตรีโกณมิติ ดาราศาสตร์ โหราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ การสำรวจ การเล่นแร่แปรธาตุ ฯลฯ วิทยาศาสตร์สมัยนี้ เริ่มเปลี่ยนจากการสรุปทางตรรกวิทยาตามเหตุผล มาเป็นการค้นคว้าและการทดลอง เอาจริงเอาจังมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน มีการรวบรวมข้อมูล (Data) ก่อนที่จะตั้งเป็นสมมติฐาน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว งานค้นคว้าทางการแพทย์ก้าวหน้ามากขึ้น มีการบุกเบิกด้านศัลยกรรม ทำให้ค้นพบประสาทส่วนต่าง ๆ มีความรู้เกี่ยวกับ สมอง หัวใจ หลอดเลือด มีการเปรียบเทียบส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมนุษย์กับร่างกายของสัตว์ นับว่าสมัยอเล็กซานเดรียมีความ ก้าวหน้ายิ่งกว่าสมัยใด ๆ ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์สมัยอเล็กซานเดรีย ยูคลิด : บิดาแห่งวิชาเรขาคณิต ยูคลิด (Euclid อ่านว่ายู-คลิด 330 - 260 ปีก่อนคริสต์ศักราช) เป็นชาวเอเธนส์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของกรีซต่อมาย้ายไปอยู่ที่เมืองอเล็กซานเดรียในอียิปต์ เขาค้นคว้าเกี่ยว กับเรขาคณิต ก่อนหน้านี้ชาวอียิปต์ใช้เรขาคณิตสำหรับการรังวัดที่ดินริมแม่น้ำไนล์ภายหลังน้ำท่วม ส่วนชาวกรีกได้ใช้วิชานี้ฝึกสมองและความคิด เพราะเรขาคณิตเป็นวิชาของเหตุและผล การเขียนรูปเรขาคณิตในสมัยนั้น ใช้อุปกรณ์เพียงแค่ใช้ไม้บรรทัด วงเวียน ปากกาที่ทำจากปลายไม้จุ่มหมึกเท่านั้น สมัยก่อนยูคลิด ได้มีนักปราชญ์ชาวกรีกคนอื่น ๆ ได้แก่ เทลีส พิธาโกรัส เป็นผู้คิดทฤษฎีต่าง ๆ ขึ้นมาก่อน ต่อมายูคลิดเป็นผู้รวบรวมเรขาคณิตที่กระจัดกระจายอยู่เข้าด้วยกัน เขียนใหม่ให้ง่ายขึ้น และจัดเรียงทฤษฎีบทเหล่านั้นให้เป็นไปตามลำดับความยากง่าย คิดทฤษฎีบทใหม่ ที่ยังเห็นว่าขาดอยู่เพิ่มเติมเข้าไปอีกให้สมบูรณ์ แล้วจารึกไว้บนแผ่นพาไพรัส หนังสือของยูคลิดมีทั้งหมด 13 ม้วน เขาเรียกหนังสือนี้ว่า อิลเมนต์ (Elements) หนังสือแต่ละเล่มมีเนื้อหาพอสรุปได้ดังนี้ เล่มที่ 1 เป็นเรื่องสิ่งที่เห็นจริงแล้ว สัจจพจน์ ทฤษฎีบทเกี่ยวกับสามเหลี่ยม เส้นขนาน สี่เหลี่ยมด้านขนานและสี่เหลี่ยมจัตุรัส รวม 48 บท (บทที่ 47 เป็นทฤษฎี พิธาโกเรียน ส่วนบทที่ 48 เป็นบทกลับ) เล่มที่ 2 เป็นเรื่องเกี่ยวกับพื้นที่ เล่มที่ 3 เป็นเรื่องทฤษฎีเกี่ยวกับวงกลม เส้นสัมผัสมุมต่าง ๆ ในวงกลม เล่มที่ 4 เป็นการสร้างรูปเหลี่ยมมีด้าน 3 4 5 6 และ 15 ด้าน โดยใช้วงเวียนและไม้ มีการแบ่งส่วนโค้งและการแบ่งมุมด้วย เล่มที่ 5 และ 6 เป็นทฤษฎีเกี่ยวกับอัตราส่วน เล่มที่ 7 - 9 เป็นเรื่องเกี่ยวกับสมบัติต่าง ๆ ของตัวเลข เช่นการหา ห.ร.ม. มีทฤษฎี ต่าง ๆ ที่รวบรวมไว้ถึง 102 บท เล่มที่ 10 เป็นเรื่องเกี่ยวกับจำนวนเลขที่หารไม่ลงตัว เล่มที่ 11 - 13 เป็นเรขาคณิตแท่งตัน (Solid geometry) เช่น รูปทรงพีระมิด รูปทรง กระบอก รูปทรงกรวย และรูปทรงหลายเหลี่ยม เป็นต้น ทั้ง 13 เล่มนี้ นิยมตัดตอนนำมาทำเป็นแบบเรียนเรขาคณิตใช้กันในโรงเรียน มีเพียง 4 เล่มเท่านั้น นอกจากนี้ ยูคลิด ยังได้เขียนตำราอื่น ๆ ไว้มาก ได้แก่เรื่อง แสง เขาเป็นคนแรกที่แสดงให้เห็นว่า รังสีของแสงที่ตกกระทบลงบนกระจกเงาจะสะท้อนออกไป โดยทำมุมเท่ากับรังสีที่ตกระทบ (มุมตกกระทบ = มุมสะท้อน) นับว่ายูคลิดเป็นบุคคลที่สมควรได้รับการยกย่องอย่างสูง แม้แต่อาร์คีเมเดสซึ่งเป็นปราชญ์คนหนึ่งก็ยังใช้หนังสือของยูคลิค เป็นหนังสืออ้างอิง แม้ว่ายูคลิดจะถึงแก่กรรมไปนานแล้วก็ตามแต่ผลงานของเขาก็ยังรุ่งโรจน์อยู่ในโลกช่วยให้เด็ก หลายล้านคนมีโอกาสฝึกสมอง วิชาที่เกี่ยวกับเหตุและผลของเขาช่วยให้นักวิทยาศาสตร์และ นักปรัชญานำหลักการ วิธีการที่เป็นเหตุเป็นผลตามระบบ เรขาคณิต ไปใช้ในการสร้าง กฎทางวิทยาศาสตร์ หลักและวิธีการที่ยูคลิดสร้างขึ้นยังเป็นที่ยอมรับกันมาจนปัจจุบันนี้ (คำว่า ยู-คลิค ในภาษาอาหรับแปลว่า กุญแจ, การวัด) Playlist https://bit.ly/2DGMlrZ