У нас вы можете посмотреть бесплатно จิตตามพระไตรปิฎก จากความหมายสู่กรรมและการปล่อยวาง или скачать в максимальном доступном качестве, видео которое было загружено на ютуб. Для загрузки выберите вариант из формы ниже:
Если кнопки скачивания не
загрузились
НАЖМИТЕ ЗДЕСЬ или обновите страницу
Если возникают проблемы со скачиванием видео, пожалуйста напишите в поддержку по адресу внизу
страницы.
Спасибо за использование сервиса ClipSaver.ru
จิตตามพระไตรปิฎก: จากความหมายสู่กรรมและการปล่อยวาง จิตในพระไตรปิฎกหมายถึงภาวะรู้หรือความรับรู้ที่เกิดขึ้นในตัวบุคคล เป็นสิ่งที่รับอารมณ์ต่างๆ และแสดงออกเป็นความคิด คำพูด และการกระทำ พระพุทธเจ้าตรัสว่าจิตมีธรรมชาติผ่องใสแต่เศร้าหมองได้เพราะกิเลส เมื่อชำระกิเลสออกไปจิตก็กลับมาผ่องใสดังเดิม การจำแนกจิตตามพระอภิธรรมมี 3 ประเภทใหญ่ คือ กุศลจิต อกุศลจิต และอัพยากตจิต กุศลจิต คือจิตที่ประกอบด้วยความดีงาม เมตตา ปัญญา ความเสียสละ อกุศลจิต คือจิตที่เกิดจากความโลภ โกรธ หลง อัพยากตจิต คือจิตที่เป็นกลาง ไม่จัดเป็นดีหรือชั่ว เช่น จิตของพระอรหันต์ในขณะทำกิจวัตร พระพุทธเจ้าทรงอธิบายถึงจิต 89 ดวง ซึ่งเป็นการจำแนกจิตตามลักษณะการเกิดและการทำงาน ครอบคลุมทั้งจิตในภาวะปกติ ภาวะสมาธิขั้นสูง และจิตในภพภูมิต่างๆ การรู้จักลักษณะของจิตเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจว่าจิตมีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลา ไม่หยุดนิ่ง ไม่ใช่ตัวตนถาวร จิตจึงอยู่ในหลักไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง เปลี่ยนแปลงไม่คงที่ ทุกขัง ไม่อาจควบคุมให้เป็นดั่งใจได้ และ อนัตตา ไม่ใช่ตัวตนของใคร การเห็นจิตตามไตรลักษณ์ทำให้เกิดการปล่อยวางจากความยึดมั่นถือมั่น จิตสัมพันธ์กับกรรมอย่างใกล้ชิด เพราะกรรมเริ่มต้นจากเจตนาในจิต เมื่อคิดดี พูดดี ทำดี ย่อมเป็นกรรมดีส่งผลให้เกิดสุข เมื่อคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ย่อมเป็นกรรมชั่วส่งผลให้เกิดทุกข์ จิตเป็นทั้งผู้สร้างกรรมและผู้รับผลกรรม พระพุทธเจ้าตรัสว่าผู้ที่เข้าใจความสัมพันธ์นี้ย่อมระมัดระวังจิตของตนอยู่เสมอ การฝึกจิตให้ดีตามพระพุทธเจ้าเริ่มจากการรักษาศีล เพื่อป้องกันไม่ให้จิตเศร้าหมอง แล้วจึงฝึกสมาธิให้จิตตั้งมั่น ไม่ฟุ้งซ่าน และใช้ปัญญาพิจารณาจิตตามความเป็นจริง เห็นการเกิดดับของจิต เห็นว่าจิตไม่ใช่ตัวเรา เมื่อทำได้เช่นนี้จิตจะค่อยๆ คลายการยึดมั่น และหลุดพ้นจากอำนาจของกิเลส สุดท้าย พระพุทธเจ้าชี้ว่าจิตที่หลุดพ้นแล้วเป็นจิตบริสุทธิ์ ไม่ถูกครอบงำด้วยความโลภ โกรธ หลง เป็นจิตที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นจุดหมายสูงสุดของการปฏิบัติธรรม การรู้จักและเข้าใจจิตตามพระไตรปิฎกจึงไม่ใช่เพียงความรู้ แต่เป็นแนวทางให้เราพัฒนาและปลดปล่อยตนเองจากความทุกข์ทั้งปวง